ทัวร์อิหร่าน

ประเทศอิหร่าน

 

ประเทศอิหร่าน: เป็นประเทศตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งช่วงก่อนปี พ.ศ. 2478 ชาวตะวันตกเรียกว่า เปอร์เซีย     

อิหร่านมีพรมแดนทางทิศตะวันออกติดต่อกับปากีสถาน (909 กิโลเมตร) และอัฟกานิสถาน (936 กิโลเมตร) ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับเติร์กเมนิสถาน (1,000 กิโลเมตร) ทิศเหนือจรดทะเลแคสเปียน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดต่อกับอาเซอร์ไบจาน (500 กิโลเมตร) และอาร์เมเนีย (35 กิโลเมตร) ตุรกี (500 กิโลเมตร) และอิรัก (1,458 กิโลเมตร) ส่วนทิศใต้จรดอ่าวเปอร์เซียและอ่าวโอมาน ในปี พ.ศ. 2522 การปฏิวัตินำโดยอายะตุลลอห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini) ทำให้มีการก่อตั้งเป็น สาธารณรัฐอิสลามโดยโค่นล้มราชวงศ์ปาห์เลวีที่ปกครองภายใต้สาธารณรัฐอิสลามเทวาธิปไตย (theocratic Islamic republic) ทำให้ชื่อเต็มของประเทศนี้ในปัจจุบันคือ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน

 

ภูมิประเทศของอิหร่าน  : พรมแดนทางทิศใต้จรดกับอ่าวโอมานและอ่าวเปอร์เชีย ทิศตะวันออกจรดอัฟกานิสถานและปากีสถาน ทิศตะวันตกจรดอิรักและตุรกี ทิศเหนือจรดอาร์เซอร์ไบจาน เติร์กเมนิสถาน อาร์เมเนียและทะเลสาบแคสเปียน

 

ภูมิอากาศของอิหร่านฃ : อิหร่านมีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ที่ราบสูง ทะเลทราย และมีภูมิอากาศหลายประเภท(ร้อน หนาว แห้งแล้ง) จึงควรศึกษาและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเดินทางในช่วงฤดูหนาว และในเขตพื้นที่ที่ราบสูงและภูเขามีภูมิอากาศแห้งแล้งสลับกึ่งแห้งแล้ง ตลอดชายฝั่งทะเลแคสเปียน มีภูมิอากาศแบบใกล้เขตร้อน

 

เขตเวลามาตรฐานของอิหร่าน : เมื่อเทียบระยะเวลาที่แตกต่างจากเวลาในประเทศไทย เวลาในประเทศอิหร่านเดินช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 3ชั่วโมง 30นาที

 

ภาษา

    - ภาษาเปอร์เซีย 58%

    - ภาษาเตอร์กิก 26%

   - ภาษาเคิร์ด 9%

   - ภาษาบาลูชี 1%

    - ภาษาอาหรับ 1%

    - อื่นๆ 1%

 

ประชากรและวัฒนธรรม : ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนั้นใช้ภาษาเปอร์เซียเป็นภาษาราชการ ส่วนภาษาถิ่นอื่นๆ นั้น มีภาษาอาเซอร์ไบจาน ภาษาเคิร์ด ภาษาลูร์ ภาษาบาลูจี ภาษาอาหรับวัฒนธรรมอิหร่านเป็นวัฒนธรรมผสมผสาน ระหว่างยุคก่อนอิสลามและยุคอิสลามเข้าไว้ด้วยกัน วัฒนธรรมอิหร่านถือเป็นวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่นในตะวันออกกลางและในเอเชียกลาง และมีความรุ่งเรืองมายาวนานกว่าสองพันปี โดยเฉพาะยุคซาสซานิยะห์ ถือเป็นยุคที่มีความสำคัญของอิหร่านที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีน โรมัน และอินเดียเข้าไว้ด้วยกันและมีอิทธิพลต่อยุโรปตะวันตกและแอฟริกา ซึ่งอิทธิพลดังกล่าวมีบทบาทโดดเด่นก่อให้เกิดศิลปะยุคกลางทั้งในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งอิทธิพลดังกล่าวได้ถูกยกยอดไปที่วัฒนธรรมอิสลาม ซึ่งกลายเป็นการเรียนรู้แบบอิสลามที่ทำให้เกิดความเจริญทางด้านภาษาศาสตร์, วรรณคดี นิติศาสตร์ ปรัชญา การแพทย์ สถาปัตยกรรม และวิทยาศาสตร์ ซึ่งบางส่วนได้ก่อกำเนิดจากยุคซาสซานียะห์และเผยแพร่ไปสู่โลกมุสลิมภายนอก

 

ฟิล์มและกล้องถ่ายรูปภาษา : ควรเตรียมไปให้พร้อมเพราะว่าสินค้าที่ประเทศอิหร่านราคาค่อนข้างสูง

เงินตรา :เรียลอิหร่าน (IRR) 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 29,957 เรียลอิหร่าน 1 บาท เท่ากับ 843.15 เรียลอิหร่าน (ณ ตุลาคม 2558)

 

ระบบไฟฟ้า : 220 V 50 Hz

 

การใช้โทรศัพท์ : +98 โทรศัพท์มือถือของไทยที่โรมมิ้งเพื่อใช้ในต่างประเทศ ไม่สามารถใช้ในอิหร่านได้   ต้องใช้โทรศัพท์ท้องถิ่นของอิหร่านเท่านั้น ซึ่งราคายังสูงมาก สำหรับการติดต่อสื่อสารในรูปแบบอื่นๆ (โทรศัพท์ธรรมดา โทรสารและอินเตอร์เน็ต/อีเมล์) ยังไม่ทันสมัยมาก ราคาสูงและอาจจะมีปัญหาในการติดต่อบ้างในบาง                                            ช่วงเวลา

 

การให้ทิป : อิหร่านไม่นิยมให้ทิป

 

อาหารการกิน : อาหารยอดนิยมในอิหร่านคือแป้ง โรตี และขนมปัง มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบตะวันตกและแบบอิหร่าน โดยชาวอิหร่านเรียกแป้งโรตีและขนมปังทุกชนิดรวมๆ ว่า "นานแต่ขนมปังแต่ละชนิดมีชื่อเฉพาะของตัวเองอาหารหลักของอิหร่านคือ คาบับ (Khabab) คือ เนื้อวัว/เนื้อแกะ/เนื้อไก่ ที่นำมาปิ้งเป็นอาหารรับประทานกับข้าวสวยหรือแผ่นแป้งบาง

 

รายการช้อปปิ้ง : นาฬิกา กล่อง ข้าวของหัตถกรรม

 

เทศกาลสำคัญ :เนารูซ มีความหมายตามภาษาฟาร์ซีว่า วันใหม่เป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองกันนานถึงประมาณ 2 สัปดาห์ ในเดือนมีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็นการคำนวณตามปีสุริยคติปฏิทิน Jalali ที่คิดค้นโดย ฮากิม อุมัร คัยยัม ซึ่งเป็นนักกวีที่มีชื่อเสียง

ประเพณีเนารูซ ยังเป็นประเพณีโบราณที่ใช้มาตั้งแต่ราชวงศ์ Achaemenids ปกครองเปอร์เซีย ซึ่งในสมัยนั้นเปอร์เซียครอบคลุมพื้นที่ที่เรียกว่า เมโสโปเตเมีย และตะวันออกไกลทั้งหมด

 

การฉลองนี้จะมีการตั้งโต๊ะที่วางข้าวของ 7 อย่าง ที่เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ในการต้อนรับปีใหม่ซึ่งเรียกว่า Heft Seen สิ่งของ 7 อย่างที่ใช้ในการเฉลิมฉลองจะขึ้นต้นด้วยตัว S ในภาษาฟารซี ได้แก่ กระเทียม (sir) เป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพ และการกินดีอยู่ดี, เหรียญ (sekkeh) แสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวยในปีที่จะมาถึง, แอปเปิ้ล (sib) แทนความสุขและรอยยิ้ม, ช่อไฮยาซินธ์ (sonbol) แทนความสำเร็จ และความก้าวหน้า, ข้าวสาลี หรือถั่ว (sabzeh) หมายถึงสีเขียวของพืชผล และความสันติ, oleaster (senjed) แทนความหวังที่จะได้รับมิตรภาพ, สุดท้ายคือ samanu ซึ่งเป็นขนมที่ทำจากข้าวสาลีอ่อน ซึ่งหมายถึงความหวานชื่น

 

นอกจากนี้ยังมีการวางน้ำส้มสายชู (serkeh) ลูก sumac (somaq) นาฬิกา (sa’at) และสิ่งของอย่างอื่นที่มีความหมายแทนสิริมงคลต่างๆ

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ : Abyaneh Village  เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ใช้อิฐ ดินดิบ เป็นวัสดุในการสร้างบ้าน และยังคงสภาพเดิม ที่เคยเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16-18 หมู่บ้านสร้างอยู่บนเนินเขาคาร์คาส (Karkas) ที่มีความสุงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,890 เมตร ในอดีตชาวเมืองนับถือศาสนา โซโรแอสเตอร์ (Zoroaster) หรือลัทธิบูชาไฟซึ่งเป็นศาสนาโบราณของโลก ก่อนที่ จะได้รับเอาศาสนาอิสลามเข้ามาในภายหลัง

 

Historical House บ้านของคหบดีพ่อค้าที่ร่ำรวยที่มีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่่งถูกสร้างระหว่างศตวรรษที่ 16-17 ปัจจุบันบ้านคหบดีเหล่านี้ถูก รักษาไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ มีอยู่ทั้งหมด 3 หลัง คือ บ้าน Tabatabai, บ้าน Borujerdis, และบ้าน Abbassian

 

Fin Garden  เป็นสวนเปอร์เซียโบราณ (รูปลักษณ์ปัจจุบันมาจากยุคซาฟาวิด แต่สวนมี มานานกว่าพันปี) ซึ่งเป็นพักผ่อนหย่อนใจของคนเมือง และมีห้องอาบน้ำซึ่ง เป็นสถานที่ที่อามีร์คามีร์ มุขมนตรีของคาจาร์ถูกลอบสังหารโดยคำสั่งของ นัสเซอร์เรดดินชาห์ในปี ค.ศ. 1852

 

Masuleh Village อีกหนึ่งมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ และยังคงรักษาวิถีชีวิต แบบเปอร์เซียนโบราณที่ใช้ชีวิตอยู่ตามเนินเขา ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามมาก มีลักษณะการสร้างบ้านที่น่าสนใจ คือ หลังคาของบ้านหนึ่ง จะเป็นลานหน้าบ้านของ อีกบ้านหนึ่ง

 

Imam Square (อิหม่ามสแควร์)ในอดีตเป็นสนามแข่งขันโปโล สร้างเมื่อปี ค.ศ. ๑๖๑๒ ที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์กลางตัว เมืองอิสฟาฮาน ล้อมรอบด้วยอาคาร ๒ ชั้น ที่ปัจจุบันกลายเป็นร้านค้า มีสินค้ามากมายจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญที่สำคัญต่างๆอีกมากมายที่ตั้งอยุ่ในบริเวณจัตุรัสแห่งนี้ เช่น มัสยิดอิหม่ามอันเป็นสัญลักษณ์ของ เมืองอิสฟาฮาน สร้างโดยกษัตริย์ชาห์ อับบัส เมื่อ ค.ศ. ๑๖๑๒ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ ๒๖ ปี เป็นหนึ่งในสุดยอดศิลปะ แบบเปอร์เซีย และเป็นหนึ่งในศิลปกรรมชั้นเยี่ยมชองโลก มีโดมขนาดใหญ่ ๒ ชั้น ชั้นนอกสูง ๕๔ เมตร และชั้นในสูง ๓๘ เมตร มีช่องว่างระหว่างชั้น ๑๒ เมตร เพื่อผลในเรื่องระบบเสียงที่สามารถสะท้อนเสียงได้ไกล

 

Shaking Minarets (หอคอยสั่นไหว) อยู่ห่างออกไปจากเมืองอิสฟาฮานประมาณ 50 เมตร เป็นสุเหร่า ขนาดเล็ก แต่โด่งดังด้วยหอคอยมินาเรตที่สั่นไหวได้ ตัวสุเหร่าก่อ สร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลธรรมดา ๆ แต่ได้ใช้เทคนิคการก่อสร้างโดย มีไม้รองรับเฉพาะช่วงหอคอย ทำให้เมื่อโยกหอคอยด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งจะสั่นไหวไปด้วย

 

Vank Cathedralโบสถ์ของชาวคริสต์อาร์เมเนียน (ARMENIAN) ที่ถูก สร้างขึ้นในปี 1655 ในรูปแบบผสมผสานศิลปะของยุโรปและของเปอร์เซีย

 

Khaju Bridge (สะพานคาจู)สะพานเก่าแก่ที่ปัจจุบันยังอยู่ในสภาพเดิม สร้างโดยกษัตริย์ซาห์ อับบัสที่ ๒ ราว ค.ศ. ๑๖๕๐ เป็นสะพานสองชั้นที่งดงามที่สุดใน อิสฟาฮาน จุดประสงค์ ของการสร้างสะพานเพื่อเชื่อมเมืองทางทิศเหนือและทิศใต้เข้าด้วยกัน โดยทอดข้ามแม่น้ำซอยันเดห์โรอันเป็นหัวใจของ อิสฟาฮาน

 

Si-o-Se Pol Bridge (สะพานซิโอเซโพล)  สะพานที่สร้างขึ้นด้วยดิฐโบราณที่โค้งรับน้ำถึง ๓๓ โค้ง สร้างราว ค.ศ. ๑๖๒๒ เป็นศิลปะแบบเปอร์เซีย ซึ่งมีความโดดเด่นและ ความสวยงามมาก มีอายุกว่า ๓๘๐ ปี สะพานนี้ทอดข้ามแม่น้ำซอยันเดห์โรเช่นกัน

 

พระราชวังซาดาอาบัด Sa'ad Abad Palace  พระราชวังที่ประทับและออกรับอาคันตุกะของราชวงศ์ปาห์ลาวี ที่สร้างเมื่อต้นศตวรรษที่ 20บริเวณพระราชวังรมรื่น และอากาศดีหลังจากการปฏิวัติได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์และอาคารสำนักงาน

 

 พิพิธภัญฑ์เพชร National Treasure Museum  เป็นที่เก็บเครื่องเพชรประดับอัญมณี เพชรพลอยของราชวงศ์ปาห์ลาวี รวมทั้งเพชร สีชมพูที่ใหญ่ที่สุดหนักถึง 182 กะรัต บัลลังก์นกยูงทองที่ประดับ ด้วยอัญมณี 26,733 ชิ้น และลูกโลกซึ่งประดับด้วยเพชรนิลจินดาถึง 51,366 ชิ้น ซึ่งถ้าส่องให้ดี ๆ จะเห็น ประเทศไทยประดับด้วยเพชรหลายเม็ดตรงด้ามขวานทอง ของเรา ส่วนที่เป็น ผืนน้ำจะประดับด้วยมรกต ในขณะที่แผ่นดินส่วนใหญ่ที่แสดง ถึงทวีปต่าง ๆ จะประดับด้วยทับทิม

 

พระราชวังโกเลสตาน Golestan Palaceสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 ในยุคสมัยของกษัตริย์คาจาร์ Qajar เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัย ซึ่งเป็นพระราชวังที่มี ความกว้างขวางใหญ่โต พร้อมด้วยสวนดอกไม้ที่งดงาม อ่างน้ำสีน้ำเงินที่ทำด้วยหินอ่อนในสนามรอบ พระราชวัง ปัจจุบันยังคงใช้เป็นที่ รับรองแขกอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขกที่มาจาก ต่างประเทศจากชั้นล่างสู่ชั้น บนต้องเดินขึ้นบันไดที่ถูก ตกแต่งด้วยหินอ่อนแบบไม่ธรรมดา และห้องต่าง ๆ ได้ถูกนำมา พัฒนากลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเปิดให้เข้าชมได้ การจัดแสดงออกแบบไว้อย่าง หลากหลาย รวมถึงเครื่องถ้วยชาม ภาพวาดที่ดูเหมือนมีชีวิตชีวาซึ่งถูก เขียนขึ้นด้วยลายมือ ของกำนัลจากประเทศต่าง ๆ ,โต๊ะเคลือบ,ลูกบิดเบียด และอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งที่ดึงดูด มากที่สุดคือ บัลลังค์นกยูงซึ่งจะถูกตั้งไว้ใน ด้านหลังสุดของห้องใหญ่กับเตียงนอนที่ใหญ่และ งดงามไม่แพ้กัน และยังคงใช้สำหรับพิธีการสวมมงกุฎ ซึ่งบัลลังค์ที่ใช้ประกอบพิธีจะมีพลอย เนื้ออ่อน ปักเรียงรายอยู่ ถูกนำมาจากโรงงานที่มีชื่อเสียงในอินเดีย เมืองเดลลี่ โดยคณะชาวอิหร่านภายใต้การ ปกครองของผู้นำนาเดอร์ ชาร์ Nader Shah (เหมือนเป็น ประเพณีที่สืบทอดมานานว่าการจัดหาได้ถูกตามคำสั่งของ Fath – Ali Shah ซึ่งได้ทำเพื่อผู้หญิง ที่โปรดปรานนั่นคือ Tavus Khanum)

 

 Persepolis  เป็นนครที่สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติแห่งพระเจ้าไซรัสมหาราช ผู้ก่อตั้งอาณาจักร เปอร์เซีย

(เดิมเรียกกันว่า ปาร์ซา) และต่อมากรีกผู้รุกรานก็ขนานนามใหม่ว่า เพอร์เซโพลิส ซึ่งหมายถึงนครแห่งพวกเปอร์เซีย

 

Nagshe Rostamผาหินที่ได้รับการเจาะเข้าไปเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์ เปอร์เซียในยุคต้น 4 พระองค์ ได้แก่ ดาริอุสที่ 1, เซอร์เซสที่ 1, อาร์ทาเซอร์เซสที่ 1, และดาริอุสที่ 2 ตรงข้ามที่ฝังพระศพบนหน้าผา ทั้ง 4 คือ หอสี่เหลี่ยม Kaba Zartosht ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิหารแห่งไฟ ของศาสนาโซโรแอสเตอร์ อันเป็นความเชื่อดั้งเดิมในแถบเปอร์เซีย ก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้ามา

 

สวนอีแรม (Eram Garden)   เป็นสวนที่มีต้นไม้นานาชนิดหลายพันธุ์ และเป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจที่ สำคัญของชาวเมือง ภายในสวนมีอาคารซึ่งเคยใช้เป็นตำหนักประทับของ ราชวงศ์ในสมัยพระเจ้าชาห์

 

Hafez Tomb ที่ฝังศพท่านกวีเอกฮาเฟส ซึ่งเป็นกวีที่ชาวอิหร่านให้ความนับถือว่า เป็นสุดยอดแห่งกวี บทกวีของท่านกล่าวถึง ความงาม ความรัก และความคิดฝัน ซึ่งผลงานของท่านได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก มีคำกล่าวว่่าุถ้าบ้านไหนมีหนังสือได้เล่มเดียว ก็ควรมีพระคัมภีร์กุรอ่าน แต่ถ้ามีหนังสือได้สองเล่ม อีกเล่มหนึ่งก็ต้องเป็นบทกวีของ

 

ฮาเฟซ ที่ฝังศพของท่านอยู่ท่ามกลางในพลับพลา 8 เสา ใต้หลังคาทรงกลม และการนำหนังสือบทกวีของฮาเฟซมายืนอ่านข้างแท่นเหนือหลุมศพ ก็คือการแสดงความเคารพ และระลึกถึงอย่างสูงสุด

 

 

Visitors: 843,591