ทัวร์ญี่ปุ่น
การท่องเที่ยวญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือและทะเลญี่ปุ่น พื้นที่ของญี่ปุ่นคิดเป็น 377,873 ตารางกิโลเมตรซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับประเทศเยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์รวมกัน หรือมีขนาดเล็กกว่าแคลิฟอร์เนียเล็กน้อย ประเทศญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะหลัก 4 เกาะ ล้อมรอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 4,000 เกาะ ญี่ปุ่นตั้งอยู่ระหว่างละติจูดที่ 20 และ 30 องศา เหนือ และลองติจูดที่ 123 และ154 องศา ตะวันออก เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ ทางตะวันออก สุดของโลก จึงเรียกว่า "ดินแดนอาทิตย์อุทัย" ญี่ปุ่นมีพื้นที่ประมาณ 372,000 ตารางกิโลเมตร ความยาวจากเหนือจดใต้ คือ 2,500 กิโลเมตร ญี่ปุ่นเป็นเกาะที่มีลักษณะเป็นแนวยาว จากด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ของ มหาสมุทรแปซิฟิก และตั้งอยู่ทางด้าน ตะวันออกของแผ่นดิน ยูเรเชียประกอบด้วย เกาะใหญ่ 4 เกาะ ได้แก่ ฮอกไกโด ฮอนชู ชิโคกุ และกิวชิว นอกจากนี้ ยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยอีกราว 4,000 เกาะ พื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นภูเขาและ เนินเขา มีขนาดเล็กกว่า ประเทศไทย 0.7 เท่า แต่มีประชากร มากกว่าประมาณ 2 เท่า ประเทศ ญี่ปุ่น มีเมืองหลวงคือ โตเกียว (Tokyo) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุด จากเมืองทั้งหมดในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีพื้นที่ 377,801 ตารางกิโลเมตร หรือ 145,869 ตารางไมล์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทวีปเอเชีย ประกอบด้วย 4 เกาะใหญ่ อันได้แ ก่ ฮอกไกโ(Hokkaido) ฮอนชู (Honshu) ชิโกกุ (Shikoku) และคิวชู (Kyushu) และมีเกาะเล็กเกาะน้อยอีกราว 3,000 เกาะ เมืองหลวง คือ โตเกียว
ภูมิอากาศ : หมู่เกาะญี่ปุ่นวางตัวยาวในแนวเหนือใต้ จึงทำให้มีลักษณะภูมิอากาศแตกต่างกันมาก ประเทศญี่ปุ่นสามารถแบ่งเขตภูมิอากาศออกเป็น 6 เขต คือ
ฮอกไกโด : พื้นที่ตอนเหนือสุดของประเทศมีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี แม้จะมีหยาดน้ำฟ้าไม่มาก แต่ในฤดูหนาวก็มีหิมะปกคลุมทั่วทั้งเกาะ
ทะเลญี่ปุ่น : ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของเกาะฮอนชู ลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดผ่านในช่วงฤดูหนาวทำให้มีหิมะตกมาก ในช่วงฤดูร้อนอากาศมักจะเย็นกว่าฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ว่าบางครั้งจะเกิดปรากฏการณ์เฟห์นที่ทำให้อากาศร้อนมากผิดปกติ
ที่สูงตอนกลาง : อุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาวและระหว่างกลางวันและกลางคืนมีความแตกต่างมาก
ทะเลเซะโตะ : ภูเขาบริเวณจูโงะกุและชิโกะกุช่วยป้องกันบริเวณทะเลเซะโตะจากลมฤดูต่าง ๆ ทำให้บริเวณนี้มีอากาศอบอุ่นและมีฝนตกน้อยตลอดทั้งปี
ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก : ตั้งอยู่ชายฝั่งมหาสมุทรทางตะวันออกของประเทศ ในฤดูหนาวมีอากาศที่หนาวเย็นแต่ไม่ค่อยมีหิมะตก ในฤดูร้อนมีอากาศร้อนและชื้นเพราะลมตะวันออกเฉียงใต้
หมู่เกาะตะวันตกเฉียงใต้ : หมู่เกาะริวกิวมีอุณหภูมิกึ่งเขตร้อน คืออากาศอุ่นในฤดูหนาวและร้อนในฤดูร้อน มีฝนตกมากและมีไต้ฝุ่นผ่านมาในช่วงเปลี่ยนฤดู
ฤดูฝนหลักเริ่มต้นขึ้นในต้นเดือนพฤษภาคมที่โอะกินะวะ และจึงค่อย ๆไต่ขึ้นไปจนถึงฮอกไกโดในปลายเดือนกรกฎาคม บนเกาะฮอนชู ฤดูฝนจะเริ่มในกลางเดือนของเดือนมิถุนายน มีระยะเวลาประมาณเดือนครึ่ง และในช่วงปลายฤดูร้อนจนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วงมักมีไต้ฝุ่นพัดผ่าน โดยเฉลี่ยจะมีไต้ฝุ่นพัดเข้าใกล้ญี่ปุ่นปีละ 11 ลูก
ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล
ใบไม้ผลิ อยู่ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม คนญี่ปุ่นถือว่าเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้นใหม่ของสิ่งต่างๆ รวมทั้งเป็นช่วงเปิดเทอมของเด็กๆ อีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะพบเห็นชาวญี่ปุ่นออกมาเดินเล่นและ มีกิจกรรมนอกบ้านกันมากมาย ทั้งนี้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน-ประมาณวันที่ 5 พฤษภาคม ยังถือเป็นช่วงสัปดาห์ทอง-Golden Weekของชาวญี่ปุ่นที่จะได้พักผ่อนติดต่อกันยาวนาน
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม อาบแดด แคมปิ้ง และการพักผ่อนยังชายหาด คือกิจกรรมยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน และยังคงเป็นฤดูที่ชาวญี่ปุ่นไม่ว่าเด็ก หรือคนชราชอบมากที่สุด เพราะสิ่งที่มากับอากาศร้อนก็คือ เ สียงร้องเพลงของเหล่าจิ้งหรีดตัวน้อย และลมอ่อนๆ ที่ช่วยไม่ให้อากาศร้อนอบอ้าวเกินไปนัก ในช่วงนี้เองที่ชาวญี่ปุ่นนิยมส่งการ์ดที่เรียกว่า Shochu-mimai เพื่อสอบถามถึงกิจกรรมในช่วงฤดูร้อนของกันและกัน
ฤดูใบไม้ร่วง ที่แสนโรแมนติกคือตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน ใบไม้สีเขียวสีแดงร่วงลงทับถมบริเวณทั่วไป และเป็นช่วงของการแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียน ปลายฤดูใบไม้ร่วงก่อนถึงฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ส่องแสงยาวนานที่สุด ชาวญี่ปุ่นเรียกช่วงนี้ว่า Koharubiyori หรือช่วงฤดูใบไม้ร่วงน้อยๆ เช่นเดียวกับที่ชาวอินเดียนแดง ในอเมริกา ใช้เรียกฤดูร้อนของตน
ฤดูหนาว กินระยะเวลาจากเดือนธันวาคมจนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ นับเป็นช่วงหนาวที่โหดร้ายสำหรับชาวญี่ปุ่นแถบทางเหนือของฮอกไกโด โตโฮกุ และ โฮคุริกุ เลยทีเดียว สิ่งน่ารื่นรมย์สำหรับฤดูหนาวเห็นจะได้แก่เทศกาล Omisoka คล้ายๆ การส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แต่จะไม่ตรงกับที่ 31 ธันวาคม หากจะอยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนปีใหม่ ที่คนในครอบครัวจะใช้เวลาอาหารเย็นร่วมกันอย่างเป็นสุข ส่วนใหญ่จะนิยมฉลองกันด้วยบะหมี่ที่เรียกว่า Toshikoshi soba หรือบะหมี่ข้ามปี พร้อมรอคอยการฟังเสียงระฆังต้อนรับปีใหม่ ที่เรียกว่า Joya no kane
เวลา : เวลาในประเทศญี่ปุ่นจะเดินเร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 2 ชั่วโมง
ภาษา : ภาษาราชการ : ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่ใช้ทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันบ้างในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะมีภาษาท้องถิ่นของตนเอง ภาษาอังกฤษ จะใช้ได้บ้างก็เฉพาะในบริเวณสนามบิน โรงแรมใหญ่ ๆ หรือสถานที่ราชการบางแห่ง ที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับคนต่างชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว กล่าวได้ว่า คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีจะมีน้อยมาก เด็กนักเรียนญี่ปุ่นจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เมื่ออยู่ชั้น ม.1 ( เกรด 7 ) และด้วยระบบการสอนที่เน้นการให้ข้อมูลการท่องจำเพื่อสอบแข่งขันมากกว่าการใช้ในชีวิตจริง จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่อาจจะเขียนและอ่านได้ดีกว่า ดังนั้น สำหรับชาวต่างชาติแล้ว หากไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ก็จะลำบากต่อการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นมากทีเดียว
เงินตรา : ญี่ปุ่นจะใช้สกุลเงิน เยน โดยประมาณ 100 เยน = 34 บาทไทย
ระบบไฟฟ้า : ญี่ปุ่น ใช้กระแสไฟฟ้า แบบ 110 V. (ไม่เหมือนประเทศไทย) ปลั๊กเสียบเป็นแบบ ขาแบน 2 ขา ฉะนั้นท่านที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น กล้องวิดิโอ โทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องเป่าผม ควรมีปลั๊กแบบใช้ได้ทั่วโลก (Universal Adaptor) ติดตัวไปด้วย เพื่อความสะดวกของท่านกรุณาเตรียม ฟิล์มถ่ายรูป, แบตเตอร์รี่ ไปให้เพียงพอจากประเทศไทย
ฟิลม์และกล้องถ่ายรูป : ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะฟิล์มเพราะที่ต่างประเทศราคาจะสูงมากโดยเฉพาะ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และควรเตรียมถ่านใส่กล้องถ่ายรูปไปด้วยเพราะอากาศเย็นถ่านจะเสื่อมสภาพเร็ว
การใช้โทรศัพท์ : คุณสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณในพื้นที่ให้บริการของ Softbank Mobile หรือ 3G ของ DOCOMO ในประเทศญี่ปุ่นได้ เพียงแค่นำซิมการ์ดของคุณใส่ลงในโทรศัพท์เช่าหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ของคุณ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดตรวจสอบกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในท้องถิ่นที่คุณใช้บริการ และมีบริการให้เช่าโทรศัพท์เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะหรือสนามบินคันไซ
การให้ทิป : การให้ทิปในต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ และมารยาทของนักท่องเที่ยวควรให้ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง
อาหารการกิน : ชาวญี่ปุ่นถูกปลูกฝังว่า ต้องรับประทานอาหารให้ครบทั้งจากภูเขาและท้องทะเลอาหารจากภูเขาคือ ผักตามฤดูกาล พืชธัญญาหาร ตลอดจนข้าวเมล็ดต่างๆส่วนอาหารจากท้องทะเลก็คือปลาทะเลต่างๆ สาหร่ายทะเล กุ้ง หอย ปู เป็นสำคัญ อาหารทะเลถือว่าเป็นอาหารแห่งชีวิตของชาวญี่ปุ่น แต่มีความสำคัญน้อยกว่าอาหารที่ผลิตจากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ มิโสะ เต้าเจี้ยว และซอสต่างๆ ที่หมักจากถั่วเหลือง
วิธีการทำอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ใช้วิธีนึ่ง ต้ม ทำให้อาหารคงรสชาติตามธรรมชาติมากที่สุด ข้าวจะเป็นอาหารหลักกับข้าวจึงปรุงมาจากอาหารทะเล ผักสดชนิดต่างๆเครื่องปรุงรส ซอสหรือซีอิ๊ว และอุปกรณ์ที่สำคัญ คือ ตะเกียบ อาหารญี่ปุ่นเมื่อรับประทานแล้วจะรู้สึกสะอาดปาก และสบายท้อง เป็นเพราะใช้ของสดใหม่จากภูเขาและท้องทะเล แหล่งที่มาของอาหารแมคโครไบโอติกส์ซึ่งบ้านเรารู้จักในชื่อของ อาหารชีวจิต
อาหารญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ มีดังนี้
ซูชิ( 寿司 sushi)
ราเม็ง (らーめん ramen)
ซาชิมิ (刺身 sashimi)
โซบะ(そば soba)
ทาโกะยากิ (たこ焼き takoyaki)
รายการช้อปปิ้ง
-ช๊อกโกแลต Royce, Kit-Kat, Pocky ขนมญี่ปุ่น
-โตเกียว บานาน่า (Tokyo Banana)
-โฟมล้างหน้า ครีมทาผิว เครื่องสำอาง มาส์กเต้าหู้
-เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ญี่ปุ่น
-กระเป๋า เป้
-ผลไม้ญี่ปุ่น
-อาหารสำเร็จรูป Noodle cup, ผงกระหรี่, เส้นราเมง ยากิโซบะ, วาซาบิ, ชาเขียว และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-ตุ๊กตาญี่ปุ่น Sanrio, San-x, Line
-เครื่องเขียน, ปากกาลบได้, ร่ม
-เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา
-เครื่องรางของขลัง แผ่นป้ายนำโชค
เทศกาลสำคัญ
งานเทศกาลต่างๆ
ของญี่ปุ่นจะมีอยู่ในทุกภูมิภาคตลอดทั้ง 4
ฤดู ในแต่ละปีการฉลองเทศกาลต่างๆเผยให้เห็นถึงความนึกคิดของชาวญี่ปุ่น
ซึ่งต้นกำเนิดของงานเทศกาลจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ที่เตือนความทรงจำให้นึกถึงค่านิยมที่ยึดถือกันมานาน
เช่น งานเทศกาล โอ-บง ในฤดูร้อน ผู้คนจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดและเคารพบรรพบุรุษ
งานฉลองปีใหม่ในฤดูหนาว งานชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
และเทศกาลชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
ทั้งหมดล้วนเป็นเทศกาลที่แสดงให้เห็นถึงความรักและชื่นชมในธรรมชาติของชาวญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน
เทศกาลตลอดปีดังนี้
31 ธันวาคม – 1 มกราคม โอะเคะระ ไมริ (Okera Mairi) หรือ งานไหว้พระปีใหม่ จังหวัดเกียวโต ภูมิภาคคันไซ (Kyoto,
Kansai)
งานไหว้พระปีใหม่ที่ศาลเจ้ายะซะกะ (Yasaka Jinja) ในจังหวัดเกียวโต มีพิธีไฟศักดิ์สิทธิ์
โดยมีการแกว่งเชือกที่จุดไฟในช่วงเวลาที่ไปขอพร ในตอนกลางคืนวันส่งท้ายปีใหม่
เพื่อปัดเป่าโชคร้ายในปีที่ผ่านมาออกไป และขอให้อายุยืนยาว
สุขภาพแข็งแรงตลอดปีใหม่ที่กำลังมาเยือน
1-3 มกราคมโอะโชกัตซึ ซันกะนิจิ (Oshougatsu
sanga nichi) หรือ
เทศกาลฉลองวันปีใหม่จัดงานทั่วประเทศ
เทศกาลฉลองวันปีใหม่ ในช่วงวันที่ 1-3 มกราคม ร้านค้า โรงงาน ธุรกิจส่วนใหญ่จะปิดให้บริการ
เนื่องจากเป็นเวลาที่ฉลองกับครอบครัว แต่ละบ้านฉลองปีใหม่ด้วยอาหารมื้อพิเศษ
พร้อมแต่งชุดกิโมโนที่สวยที่สุด และพากันไปวัดหรือศาลเจ้า
เพื่อไหว้พระขอพรให้สุขภาพดี และมีความสุขตลอดปี งานไหว้พระปีใหม่ที่ศาลเจ้ายะซะกะ
(Yasaka Jinja) ในจังหวัดเกียวโต มีพิธีไฟศักดิ์สิทธิ์โดยมีการแกว่งเชือกที่จุดไฟในช่วงเวลาที่ไปขอพรในตอนกลางคืนวันส่งท้ายปีใหม่
เพื่อปัดเป่าโชคร้ายในปีที่ผ่านมาออกไป และขอให้อายุยืนยาว
สุขภาพแข็งแรงตลอดปีใหม่ที่กำลังมาเยือน
3 มกราคมเทะมาเชเชริ-มัตสึริ (Temaseseri
Matsuri)จังหวัดฟุคุโอกะ ภูมิภาคคิวชู (Fukuoka , Kyushu)
เทศกาลผู้ชายเปลือยครึ่งตัวที่แย่งลูกของความโชคดี
นี้เป็นหนึ่งในสามเทศกาลหลักของคิวชู มีประวัติยาวนาน 500 ปี
6 มกราคมเดะโซเมะ ชิกิ (Dezome
shiki) หรือ วันพิธีดับเพลิงกรุงโตเกียว ภูมิภาคคันโต (Tokyo,Kanto)
วันพิธีดับเพลิง จัดที่Tokyo Big Sightโดยกองดับเพลิงกรุงโตเกียว
มีการนำรถดับเพลิงกว่า 100
คันรวมทั้งเฮลิคอปเตอร์มาร่วมในงาน ทั้งยังมีการซ้อมดับไฟไปพร้อมๆกัน
จุดเด่นคือการแสดงกายกรรมโลดโผนบนยอดบันไดหนีไฟ
โดยนักดับเพลิงแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักดับเพลิงในสมัยเอโดะ
กลาง มกราคมกรุงโตเกียว
ภูมิภาคคันโต (Tokyo,Kanto)การแข่งขันซูโม่ รอบแรก ในโตเกียวเป็นเวลา 15 วัน
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ (7 วัน)ยูคิ-มัตสึริ (Yuki Matsuri หรือ Snow
Festival) หรือ เทศกาลหิมะทั่วเกาะฮอกไกโด
เทศกาลหิมะที่มีชื่อที่สุดในญี่ปุ่นจัดที่เมืองซัปโปโร
(Sapporo) บนเกาะฮอกไกโด
มีการประกวดรูปแกะสลักหิมะโดยมีตัวแทนจากนานาประเทศทั่วโลกเข้าร่วม
ส่วนเทศกาลหิมะในเมืองอื่นๆ เช่น อะซะฮิกะวะ (Asahikawa) อะบะชิริ
(Abashiri) จะจัดขึ้นในช่วงต้น-กลาง ก.พ. ของทุกปี
3 หรือ 4
กุมภาพันธ์เซสึบุน (Setsubun) หรือ
เทศกาลปาถั่วจัดงานทั่วประเทศ ประเพณีการปาถั่วมงคลเป็นพิธีไล่สิ่งอัปมงคล
นิยมทำกันตามวัดใหญ่ทั่วประเทศ
รวมทั้งตามบ้านเรือนเพื่อต้อนรับความสุขในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังมาถึง
คนในครอบครัวคนหนึ่งสวมหน้ากากยักษ์ ส่วนคนอื่นๆที่เหลือร่วมปาถั่วไล่ยักษ์ออกนอกบ้าน
พลางร้องซ้ำๆว่า “ยักษ์ออกไป
ความสุขเข้ามา!” ก่อนปิดประตู
3 กุมภาพันธ์เซสึบุน มันโทโร (Setsubun
Mantoro) หรือ เทศกาลแห่โคมของศาลเจ้า Kasuga Taishaจังหวัดนารา ภูมิภาคคันไซ (Nara, Kansai) เทศกาล Lantern
แห่โคมของศาลเจ้า Kasuga Taisha ในจังหวัดนารา
ไฟจากโคมกว่า 3,000
อันถูกวางกระจายทั่วสวนหินในศาลเจ้าเป็นเวลา 3 คืน ได้แก่ 3 ก.พ. และ 14-15 ส.ค. ของทุกปี
กิจกรรมนี้มีต่อเนื่องมานานกว่า 800 ปีแล้ว
โคมไฟส่วนใหญ่คือโคมที่ได้รับบริจาคจากประชาชน
15-16 กุมภาพันธ์โยโคะเทะ
คะมะคุระ ยูคิ-มัตสึริ (Yokote Kamakura Yuki Matsuri) หรือ เทศกาลกระท่อมหิมะแห่งโยโคะเทะเมืองโยโคะเทะ จังหวัดอะกิตะ
ภูมิภาคโทโฮคุ (Yokote, Akita,Tohoku) เทศกาลกระท่อมหิมะแห่งเมืองโยโคะเทะ จังหวัดอะกิตะ มีการนำหิมะมาขึ้นรูปเป็นกระท่อม
ดูคล้ายถ้ำเล็กๆกว่า 100 หลัง นักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งจิบเครื่องดื่มร้อนๆภายในกระท่อมได้
หรือจะเดินชมความงามจากแสงเทียนเล็กๆที่จุดตามกระท่อมจิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปั้นเอาไว้ตามพื้น
กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำ และเพื่อขอให้มีน้ำบริสุทธิ์ใช้
วันเสาร์สัปดาห์ที่ 3 ของ กุมภาพันธ์ไซไดจิ เอะโย ฮาดะคะ -มัตสึริ (Saidai-ji Eyo
Hadaka Matsuri) หรือ
เทศกาลประจำปีวัดไซไดจิเมืองโอะคะยะมะจังหวัดโอะคะยะมะ ภูมิภาคจูโงขุ (Okayama,Chugoku)
เทศกาลประจำปีวัดไซไดจิ ที่จังหวัดโอะคะยะมะ จัดต่อเนื่องมานานกว่า 500 ปีแล้ว ชายนับหมื่นที่สวมผ้าเตี่ยวรวมตัวกันหน้าลานวัดแล้วแย่งกันครอบครองไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่พระโยนลงมาจำนวน
2 อัน
เชื่อกันว่าคนที่แย่งไม้ดังกล่าวมาและนำไปปักยังจุดที่กำหนดไว้ได้จะมีโชคดีตลอดปี
1-14 มีนาคมเทศกาลโอะมิสึโทะริ (Omizutori) หรือเทศกาลคบไฟจังหวัดนารา ภูมิภาคคันไซ(Nara
,Kansai)
เทศกาลโอะมิสึโทะริ ที่วัดโทไดจิ (Todaiji) จังหวัดนารา
เป็นพิธีทางศาสนาเพื่อขอพรโดยมีการจุดคบเพลิงยักษ์บริเวณวัด
ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากอาบร่างกายด้วยประกายไฟเหล่านี้
จะได้รับการคุ้มครองจากสิ่งชั่วร้าย พร้อมทั้งยังมีพิธีทำน้ำมนต์อีกด้วย
3 มีนาคมฮินะ มัตสึริ (Hina
Matsuri) หรือเทศกาลวันเด็กผู้หญิงจัดงานทั่วประเทศ เทศกาลวันเด็กผู้หญิง
มีการตกแต่งตุ๊กตารูปผู้หญิงที่แต่งกายแบบในราชสำนักแล้ววางประดับบนหิ้งเป็นชั้นๆ
นับเป็นช่วงเวลาในการอธิษฐานให้ลูกสาวมีความสุข ขจัดพลังชั่วร้ายออกไปจากชีวิต
ประสบความสำเร็จ สุขภาพร่างกายแข็งแรง และงดงามชาวญี่ปุ่นบางคนเชื่อว่า
หากจบช่วงเวลาเทศกาลแล้วควรรีบเก็บตุ๊กตาและหิ้งเสีย
เนื่องจากหากทิ้งไว้อาจทำให้ลูกสาวแต่งงานช้า
กลางมีนาคมการแข่งขันซูโม่ (Spring Grand Sumo )จังหวัดโอซาก้า
ภูมิภาคคันไซ (Osaka,Kansai) การแข่งขันซูโม่ รอบที่ 2 ในโอซาก้าเป็นเวลา 15 วัน นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้
8 เมษายนฮะนะ มัตสึริ (Hana
Matsuri) หรือ เทศกาลถวายดอกไม้จัดงานทั่วประเทศ เทศกาลถวายดอกไม้
เทศกาลที่จัดขึ้นภายในวัดเพื่อรำลึกถึงวันประสูติของพระพุทธเจ้า ซึ่งตรงกับวันที่ 8 เมษายนของทุกปี ในวันงานจะมีพิธีชงชาเขียว ภายในวัดจะตกแต่งด้วยดอกไม้
14-15 เมษายนทาคายามะ มัตสึริ (Takayama
Matsuri) หรือ เทศกาลแห่ศาลเจ้าทาคายามะเมืองทะคะยะมะ
ภูมิภาคจูบุ (Takayama,Chubu) เทศกาลทาคายามะ
หรือเรียกอีกอย่างว่าเทศกาลซันโน (Sanno Matsuri) เป็นเทศกาลของฤดูใบไม้ผลิของศาลเจ้าฮิเอะในเมืองทะคะยะมะ
ซึ่งจะมีขบวนรถแห่ศาลเจ้าอันตระการตาที่มีอายุนับร้อยปีประมาณ 10 กว่าขบวน
16-17 เมษายนยะโยอิ-มัตสึริ (Yayoi
Matsuri) หรือ เทศกาลแห่ศาลเจ้าฤดูใบไม้ผลิเมืองนิกโก้
จังหวัดโทจิกิ ภูมิภาคคันโต (Nikko,Tochigi, Kanto Area)
เทศกาลยะโยอิ
จัดเทศกาลโดยศาลเจ้าฟุตะระซัน (Futarasan
Jinja) ในเมืองนิกโก้ มีขบวนแห่ตกแต่งสวยงามด้วยดอกไม้
เป็นการส่งสัญญาณว่าฤดูใบไม้ผลิมาเยือนนิกโก้แล้ว
3-4 พฤษภาคมฮะคะตะ ดงทะคุ (Hakata
Dontaku) หรือ เทศกาลขบวนแห่เทพเจ้าบนหลังม้า จังหวัดฟุคุโอกะ
ภูมิภาคคิวชู (Fukuoka,Kyushu) เทศกาลฮะคะตะ ดงทะคุ
ในจังหวัดฟุคุโอกะ มีขบวนแห่เทพเจ้าแห่งโชคลาภ
เป็นขบวนแห่เทพเจ้าบนหลังม้าตามตำนานญี่ปุ่นรอบเมือง ทั้งยังมีขบวนพาเหรด
มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ต่างเดินขบวนร้องเพลงอวยพรตามขบวนแห่ที่เรียกว่า Dontakutai
3-5 พฤษภาคมฮามามัตสึ (Hamamatsu
Festival) หรือ เทศกาลแข่งว่าว เมืองฮามามัตสึ
จังหวัดชิสึโอกะ ภูมิภาคคันโต (Hamamatsu,
Shizuoka, Kanto Area) เทศกาลแข่งว่าว
บริเวณเนินทรายเมืองฮามามัตสึ
จังหวัดชิซึโอกะ
เป็นสนามแข่งว่าวที่มีการแข่งขันว่าวขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
ตอนกลางวันมีการแข่งเล่นว่าวใหญ่ และตอนกลางคืนจะมีการเดินขบวนแห่ที่สวยงามในเมือง
5 พฤษภาคมโคโดโมะ โนะ ฮิ (Konomo-no-hi)หรือ เทศกาลวันเด็กผู้ชายจัดงานทั่วประเทศ
เทศกาลวันเด็กผู้ชายนี้นับเป็นวันเด็ก เป็นวันหยุดราชการ ภายในบ้านที่มีลูกชายจะตกแต่งบ้านโดยการประดับตุ๊กตานักรบเป็นสัญลักษณ์แทนการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
และจะตั้งเสาธงปลาคาร์ฟไว้ภายในบริเวณบ้าน
ธงปลาคาร์ฟจะมีปลาคาร์ฟอย่างน้อยสามตัวด้วยกัน ประกอบไปด้วย พ่อปลา แม่ปลา
และลูกปลา ให้ขึ้นไปแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งโบกสะบัดโต้ลมฤดูใบไม้ผลิอย่างสวยงามมาก
11 พฤษภาคม -15 ตุลาคมอุไค (Ukai) หรือ
เทศกาลจับปลาโดยนกกาน้ำ แม่น้ำนากะระ จังหวัดกิฟุ ภูมิภาคจูบุ (Nagaragawa,Gifu,
Chubu Area) เทศกาลจับปลาโดยนกกาน้ำ (Ukai) บริเวณแม่น้ำนากะระที่ในจังหวัดกิฟุ
เทศกาลนี้มีไว้เพื่ออนุรักษ์วิถีประมงแบบดั้งเดิมที่มีประวัติยาวนานนับพันปี
กิจกรรมนกกาน้ำจับปลาในแม่น้ำนี้จัดขึ้นในตั้งแต่ 11 พฤษภาคม
– 15 ตุลาคมของทุกปี เริ่มในเวลา 19.30
ของทุกวัน
15 พฤษภาคมอะโอะอิ มัตสึริ (Aoi
Matsuri) หรือ เทศกาลขบวนแห่โบราณกรุงเกียวโต ภูมิภาคคันไซ (Kyoto,Kansai
Area)
เทศกาลอะโอะอิ ที่จังหวัดเกียวโต
เป็นเทศกาลใหญ่ในเกียวโต มีขบวนแห่บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โบราณ
ผู้เข้าร่วมขบวนแห่จำนวนหลายร้อยคนสวมใส่เครื่องแต่งกายโบราณอันงดงาม
ขบวนแห่เดินผ่านถนนสายหลักของเกียวโตพร้อมขบวนรถที่มีไม้ดอกหลากสีสันร่วมในขบวน
กลาง
พฤษภาคมการแข่งขันซูโม่ (Summer Grand Sumo) กรุงโตเกียว ภูมิภาคคันโต (Tokyo,Kanto Area)
การแข่งขันซูโม่ รอบที่ 3 ในโตเกียวเป็นเวลา 15 วัน นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้
ราคาแตกต่างกันไปตามแต่ประเภทที่นั่ง
17-18 พฤษภาคมชุนคิ เรไทไซ (Shunki
Reitaisai) หรือ เทศกาลใหญ่ศาลเจ้าโทโชกุ
เมืองนิกโก้ จังหวัดโทจิกิ ภูมิภาคคันโต (Nikko,Tochigi, Kanto Area) เทศกาลใหญ่ศาลเจ้าโทโชกุที่เมืองนิกโก้ มีขบวนแห่นักรบกว่า 1,000 คน พร้อมม้าศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งการแห่ศาลเจ้าเคลื่อนที่
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 3 ของ พฤษภาคมมิฟุเนะ-มัตสึริ (Mifune Matsuri) หรือ เทศกาลล่องเรือ จังหวัดเกียวโต ภูมิภาคคันไซ (Kyoto,Kansai)
เทศกาลมิฟุเนะ-มัตสึริ เมืองอาราชิยามะ
จังหวัดเกียวโตคือเทศกาลล่องเรือที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยเฮอัน
สำหรับงานเทศกาลนี้จะใช้เรือทั้งหมด 20 ลำ เรือแต่ละลำมีลักษณะต่างๆกันเช่น
เรือของนักดนตรี,เรือของนักแสดง,เรือของนักประพันธ์
ซึ่งเรือทั้งหมดจะล่องไปตามแม่น้ำโออิ
วันศุกร์ – อาทิตย์สัปดาห์ที่
3 ของ พฤษภาคมซันจะ-มัตสึริ (Sanja Matsuri) หรือ เทศกาลแห่งศาลเจ้าอาซาคุสะ กรุงโตเกียว
ภูมิภาคคันโต (Tokyo,Kanto) เทศกาลซันจะ-มัตสึริเรียกว่าเทศกาลแห่ศาลเจ้าที่วัดอาซาคุสะ
(วัด Sensoji) แห่งกรุงโตเกียว มีการแห่ศาลเจ้าใหญ่ๆ 3 ศาลเจ้า และศาลเจ้าย่อยๆ อีกนับร้อยกว่าศาล
โดยจะมีชายฉกรรจ์จำนวนมากร่วมแบกเกี้ยวศาลเจ้าจำลองที่เรียกว่า “โอะมิโคชิ” นับเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ มีการร่ายรำ
เล่นดนตรี
กลางเดือน มิถุนายนซันโน-มัตสึริ
(Sanno Matsuri)หรือ
เทศกาลแห่ศาลเจ้าฮิเอะ กรุงโตเกียว ภูมิภาคคันโต (Tokyo,Kanto
Area)เทศกาลซันโน-มัตสึริ
นั้นเป็นงานประจำศาลเจ้าฮิเอะในโตเกียวมีการแห่ศาลเจ้าซึ่งเป็นขบวนแห่ศักดิ์สิทธิ์ในช่วงสัปดาห์เทศกาลจะได้พบกับประเพณีต่างๆของญี่ปุ่น
เช่นมีการแสดงของดอกไม้ที่จัดในสไตล์ญี่ปุ่น,พิธีกรรมเกี่ยวกับชาเขียว,
รวมถึงพิธีชำระล้างสิ่งอัปมงคล
วันเสาร์ที่ 2 ของมิถุนายนชะงุ-ชะงุ อุมะโก (Chagu-Chagu
Umakko) หรือ เทศกาลม้า เมืองทากิซาวงาและโมริโอกะ จังหวัด อิวาเตะภูมิภาคโทโฮคุ
(Takizawa,Iwate, Tohoku Area) เทศกาลม้าในเมืองโมริโอกะ
มีขบวนแห่ม้าที่สายรัดที่มีสีสันพร้อมกับระฆังประดับตกแต่งบนตัวม้าที่ร่วมขบวนประมาณ
100 ตัวซึ่งเดินประมาณ 15 กิโลเมตร
07 กรกฎาคมทะนะบะตะ-มัตสึริ (Tanabata
Matsuri) หรือ เทศกาลดวงดาว จัดงานทั่วประเทศ เทศกาลดวงดาวโบราณจัดขึ้นทั่วญี่ปุ่น
แต่พิเศษสุดที่เมืองเซนไดภูมิภาคโทโฮคุนั้นมีการจัดงานนี้ได้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุด
แต่เทศกาลทะนะบะตะเมืองเซนไดจัดขึ้นเดือนสิงหาคม
โดยมีการประดับโคมกระดาษหลากสีสวยงามพร้อมแต่ละบ้านประดับหน้าบ้านด้วยต้นไผ่ติดกระดาษสีที่ขอพรไว้
กลาง
กรกฎาคมการแข่งขันซูโม่จังหวัดนาโงย่า ภูมิภาคจูบุ (Nagoya,Chubu ) การแข่งขันซูโม่ รอบที่ 4
ในนาโงย่าเป็นเวลา 15 วัน นักท่องเที่ยวก็สามารถซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้
ราคาแตกต่างกันไปตามแต่ประเภทที่นั่ง
14 กรกฎาคมนะชิ โนะ ฮิ มัตสึริ (Nachi
no Hi matsuri) หรือ เทศกาลไฟจังหวัดวะกะยะมะ ภูมิภาคคันไซ(Wakayama,Kansai)
เทศกาลไฟที่ศาลเจ้านะชิ
ตั้งอยู่บริเวณภูเขาคุมะโนะ (Kumano) ในจังหวัดวะกะยะมะ นับเป็น 1 ใน 3 เทศกาลไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีพิธีการแบกคบเพลิงขนาดใหญ่ 12 อันโดยนักบวชในชุดขาว
1-15 กรกฎาคมฮะคะตะ กิอง ยะมะกะสะ (Hakata
Gion Yamakasa) หรือ เทศกาลใหญ่ของศาลเจ้าคุฉิดะ
จังหวัดฟุคุโอกะ ภูมิภาคคิวชู (Fukuoka,Kyushu) เทศกาลใหญ่ของศาลเจ้าคุฉิดะ
จัดที่เมืองฟุคุโอกะ
มีขบวนรถแห่เทพเจ้าที่ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงามยิ่งใหญ่
โดยจะมีเหล่าผู้ชายสวมผ้าเตี่ยวแบกเสรี่ยงหนัก 1 ตัน
ภายในบรรจุเหล่าตุ๊กตาตัวแทนของเทพเจ้าแห่รอบเมืองฟุคุโอกะซึ่งเป็นการแสดงถึงพลังอันเต็มเปี่ยม
1-29
กรกฎาคมกิออน-มัตสึริ (Gion Matsuri) หรือ
เทศกาลใหญ่ของศาลเจ้ายาซะกะ จังหวัดเกียวโต ภูมิภาคคันไซ (Kyoto,Kansai) เทศกาลใหญ่ของศาลเจ้ายาซะกะที่เกียวโต
เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในเกียวโตในบรรดาเทศกาลหน้าร้อน
ขบวนพาเหรดหรูหราตระการตาพร้อมเครื่องดนตรีและผู้ร่วมขบวนแห่ต่างสวมเครื่องแต่งกายแบบโบราณ
ขบวนแห่วนรอบเมืองเกียวโต
ปลายกรกฎาคม – ต้นสิงหาคมมิยะจิมะ-คันเก็งไซ (MiyajimaKangensai) หรือ เทศกาลดนตรีศาลเจ้าอิสึคุชิมา จังหวัดฮิโรชิม่า ภูมิภาคชูโกคุ (Hiroshima,Chugoku)
เทศกาลดนตรีศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima) เมืองฮิโรชิม่า
เป็นเทศกาลใหญ่ที่สำคัญของพิธีกรรมทางเรือที่ญี่ปุ่น
โดยมีการรำราชสำนักประกอบดนตรี ได้แก่ ขลุ่ย กลองและเครื่องสายญี่ปุ่น
24-25 กรกฎาคมเท็นจิน-มัตสึริ (TenjinMatsuri) หรือ เทศกาลแห่เรือศาลเจ้าเท็นมังกู จังหวัดโอซาก้า ภูมิภาคคันไซ (Osaka,Kansai) เทศกาลฤดูร้อนศาลเจ้าโอซาก้าเท็นมังกู (Osaka Tenmangu shrine) เมืองโอซาก้า ถือเป็นหนึ่งในสามงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น ในงานมีขบวนแห่ทางบกและทางน้ำ มีผู้ร่วมขบวนแห่จำนวนหลายพันคน และมีเทศกาลดอกไม้ไฟ
2-7 สิงหาคมเนะบุตะ-มัตสึริ (Aomori
Nebuta Matsuri) หรือ
เทศกาลหุ่นโคมไฟจังหวัดอะโอโมริ ภูมิภาคโทโฮคุ (Aomori,Tohoku) เทศกาลหุ่นโคมไฟเมืองอะโอะโมะริเป็นพิธีที่ทำสืบต่อกันมานานกว่า 300 ปี ทำเพื่อปัดเป่าความชั่วร้าย
มีขบวนแห่โครงหุ่นขนาดใหญ่ทำจากกระดาษเปียก ขึ้นเป็นรูปร่างต่างๆ
ส่วนใหญ่มักเป็นลวดลายตัวละครจากละครคะบุกิ นอกจากนี้ ในขบวนแห่มีระบำ
มีดนตรีและมีการจัดแสดงดอกไม้ไฟ
1-7 สิงหาคมเนะบุตะ-มัตสึริ (Hirosaki
Neputa Matsuri) หรือ เทศกาลหุ่นโคมไฟ
เมืองฮิโระซะกิ จังหวัดอะโอโมริ ภูมิภาคโทโฮคุ (Hirosaki City, Aomori,
Tohoku) เทศกาลหุ่นโคมไฟเมืองฮิโระซะกิในจังหวัดอะโอะโมะริ
มีขบวนแห่โครงหุ่นกระดาษขนาดใหญ่ ขึ้นเป็นรูปต่างๆ และยังมีระบำ
มีดนตรีและมีการจัดแสดงดอกไม้ไฟ
3-6 สิงหาคมคันโต มัตสึริ (Kanto
Matsuri) หรือ เทศกาลแห่โคมไฟคันโต จังหวัดอะคิตะ ภูมิภาคโทโฮคุ
(Akita,Tohoku)
เทศกาลแห่โคมไฟคันโต
จังหวัดอะกิตะ
ถนนหลักถูกปกคลุมไปด้วยโคมไฟกว่าหมื่นดวงและเสาโคมไฟ “คันโต” หลายร้อยเสา
ส่วนที่น่าสนใจ ได้แก่ เทคนิคการแห่เสาโดยใช้หน้าผากและสะโพก
5-7
สิงหาคมฮะนะงะซะ-มัตสึริ (Hanagasa Matsuri) หรือ เทศกาลหน้าร้อนฮะนะงะซะจังหวัดยะมะงะตะ ภูมิภาคโทโฮคุ (Yamagata,Tohoku)
เทศกาลหน้าร้อนฮะนะงะซะ ในจังหวัดยะมะงะตะ
มีขบวนฟ้อนรำของชาวเมืองกว่า 10,000 คน
ทุกคนสวมหมวกฟางติดดอกไม้เทียม ซึ่งเป็นชุดประจำเทศกาล
และระหว่างขบวนแห่ก็จะมีการตะโกนร้อง ‘Yassho! Makkasho! ตามจังหวะกลองสนุกๆ
12-15 สิงหาคมอะวะ-โอโดริ (Awa-Odori)
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
Kawachi Fuji Garden : ฟุกุโอกะ สถานที่ที่มีความรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในภาพวาดสีน้ำมันแสนสวย
ท่ามกลางอุโมงค์ดอกไม้ Wisteria สวน Kawachi Fuji Garden นี้มีต้น
Wisteria มากกว่า 150 ต้นและ 20 สายพันธุ์ เหมาะกับการเดินชมวิว ผ่อนคลายสบายใจ นอกจากนี้ช่วงปลายๆ
เดือนเมษายนของทุกปีจะมีการเฉลิมฉลอง Wisteria Festival อีกด้วย
Happo Pond : นางาโน่ Happo Pond ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติของนากาโน่
รู้จักกันในชื่อของสถานที่เหมาะกับการเล่นสกีในฤดูหนาว
แอ่งน้ำนี้อยู่ในภูเขาที่มีความสูงถึง 2,060
เมตรจากระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว แน่นอนว่าวิวตรงนี้สวยงามมากอีกแห่งของญี่ปุ่น
Motonosumi-inari Shrine : ยามากุจิ เสาโทริอิสีแดงตั้งตระง่านจากภูเขาไปจนถึงทะเล ที่นี่คือ Motonosumi-inari Shrine ศาลเจ้าที่ช่วยให้ผู้คนที่มาอธิษฐานประสบความสำเร็จ มีความเชื่อว่าหลังจากที่คุณหย่อยเงินบริจาคลงในกล่องรับบริจาคตรงเสาโทริอิต้นสุดท้าย ความหวังทั้งหลายของคุณจะประสบความสำเร็จ
Nachi Fall : วากายามะ Nachi Fall น้ำตกที่สูงที่สุด และใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่สูงถึง 133 เมตร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่จัดได้ว่าสวยมากๆ ในญี่ปุ่น
และบริเวณน้ำตกยังมีศาลเจ้า Kumano Nachi Taishai แดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าหนึ่งในมรดกโลก
Zao Ski Resort : ยามากาตะ Zao Onsen เป็นรีสอร์ทที่รู้จักกันทั่วไปในรีสอร์ทที่คนญี่ปุ่นจะไปเล่นสกี
และที่นี่ไม่ได้มีดีเฉพาะช่วงหน้าหนาว หิมะตก ยังมีช่วงที่สวยงามด้วยภูเขา
และต้นไม้อีกด้วย
Kintetsu Beppu Ropeway
: โออิตะ ที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่เราจะได้ชมวิวสวยๆ
โดยไม่ต้องปีนเขาไปให้เหนื่อย เพราะมีกระเช้าซึ่งรับน้ำหนักผู้โดยสารได้ถึง 101 คนขึ้นไปบนยอดเขา Tsurumi ที่สูงที่สุด
1,375 เมตรภายใน 10 นาที ซึ่งจากบนนั้นจะได้เห็นวิวโดยรอบของ
Beppu ภูเขา Yufu และ Kuju อีกด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการมาเที่ยวก็คือ ช่วงที่ต้นเชอร์รี่บานทั่วไปทั้งเขา
Matsumoto Castle : นางาโน่ Matsumoto
Castle รู้จักกันในชื่อของ “Crow Castle” หรือ
ปราสาทอีกา เพราะภายนอกปราสาทมีสีดำนั่นเอง Matsumoto Castle นี้ยังเป็นปราสาทที่ทำจากไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีอายุมากถึง 400 ปี
Shiratani Unsuikyo
Gorge : คาโกชิม่า Shiratani
Unsuikyo Gorge นี้เป็นสถานที่เหลือเชื่อที่ไม่น่ามีอยู่บนโลกจริงๆ
และที่สำคัญยังเป็นสถานที่ให้แรงบันดาลใจในภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Princess
Mononoke ของสตูดิโอ Ghibi อีกด้วย
Hitachi Seaside Park :
อิบารากิ Hitachi Seaside
Park รู้จักกันดีในชื่อ “Baby Blue Eyes” เป็นสวนที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่นบนเนินเขา
Miharashi มีขนาดกว่า 190 เฮกเตอร์
ดอกไม้ที่ปลูกที่นี่มีความสวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจ เพราะในแต่ละฤดูกาล
ทางสวนจะมีการปลูกดอกไม้ที่แตกต่างกันออกไป ไฮไลท์คือการมาถึงเนินเขาที่เต็มไปด้วย
ดอก“Nemophilia” ซึ่งเป็นดอกไม้สีฟ้าขนาดเล็กสวยเหมือนในนิทาน
4.5 ล้านดอกเรียงๆ กันอย่างอลังการ
Sagano : เกียวโต ป่าไผ่ Sagano เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวควรแวะมาเที่ยวสักครั้งหากได้มาญี่ปุ่น
สามารถเดินชมป่าไผ่ตามทางเดินที่ได้จัดไว้ให้เป็นระยะทาง
500 เมตร ตลอดสองข้างทางเดินประกอบไปด้วยต้นไผ่สูงชะลูด
และในระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับเสียงลำไผ่สีกันยามลมพัด
นับเป็นเสียงธรรมชาติที่แสนไพเราะสุดจะบรรยายไปเลยทีเดียว
Usa Shrine : โออิตะ ศาลเจ้า Usa Shrine แห่งนี้สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 8 เพื่อถวายแด่เทพเจ้า Hachiman เทพแห่งการยิงธนูและสงคราม ผู้คนมักมาขอพรที่นี่เพื่อความโชคดี
Mt.Daisen : ทตโตะริ Mt.Daisen เป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมในทตโตะริ ส่วนหนึ่งของภูเขาไดเซน
เป็นอุทยานแห่งชาติไดเซน-โอกิ (Daisen-Oki National Park) สูงถึง
1,729 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku)
และรวมอยู่ใน 100
อันดับภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นอีกด้วย
นอกจากนี้ภูเขาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณ และศูนย์กลางของการบูชาภูเขา
มาเป็นเวลานาน
Tottori-sakyu Sand
Hills : ทตโตะริ ไม่น่าเชื่อว่าที่ญี่ปุ่นจะมีทะเลทราย
แต่ก็มี !! เนินทรายยาวถึง 16 กม. เป็นทะเลทรายที่กว้างที่สุดในญี่ปุ่น
ซึ่งเกิดจากการสะสมของทรายภูเขาไฟมากว่า 100,000 ปี
Itsukushima Shrine : ฮิโรชิม่า เสาโทริอิสีแดงสูงกว่า
16 เมตรนี้เป็นประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์
และโลกวิญญาณ และคอยป้องกันไม่ให้วิญญาณชั่วร้านเข้ามาในโลกฝั่งนี้ได้
แน่นอนว่าเป็นความเชื่อที่มีมาช้านานของญี่ปุ่น
แต่ประตูศักดิ์สิทธิ์นี้ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญไปอีกด้วย
Lavender Farm : ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่น
สุดชิลล์ชมทุ่งลาเวนเดอร์ ฟาร์มโทะมิตะ Farm Tomita ที่ฟุระโนะ ฮอกไกโด ประมาณเดือนมิถุนายน – กันยายนของทุกปี
ในแถบนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมความงดงามของทุ่งลาเวนเดอร์ที่บานสะพรั่งชูสีสันสดใสสวยงามไปทั่วทั้งเมือง
โดยเฉพาะฟาร์ม Tomita ซึ่งมีการปลูกต้นลาเวนเดอร์สวยงามมาก
ใครได้ไปเที่ยวแล้วอย่าได้พลาดชิมไอศกรีมลาเวนเดอร์กันด้วยนะ
Lake Toya : ฮอกไกโด Lake Toya เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่รูปวงกลม มีเส้นรอบวงยาวประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟและความพิเศษตรงที่น้ำจะไม่แข็งตัวในช่วงฤดูหนาว
ในหน้าร้อนอากาศก็เย็นสบายเหมาะสำหรับเดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือล่องเรืออีกด้วย
นอกจากนี้กลางทะเลสาบมีเกาะเล็กๆอ ยู่ตรงกลาง คือ เกาะ Nakajima ซึ่งสามารถลงไปเดินเล่นได้
Ninnaji Temple : เกียวโต วัดนินนาจิ
ได้รับการถูกบันทึกเป็นมรดกโลก World Heritage
Sites เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญของเกียวโต ไฮไลท์ของที่นี่คือ
อาคารโกเท็น (Goten) สร้างขึ้นในรูปแบบของพระราชวังอิมพีเรียล
และมีทางเดินเชื่อมต่อที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
นอกจากนี้ยังมีประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นโบราณ (fusuma) โดยรอบของอาคารจะถูกโอบล้อมไปด้วยสวนหินและบ่อน้ำแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกด้วย
Gokayama : โทยามะ Gokayama เป็นหมู่บ้านมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโทยามะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด และเก่าแก่ที่สุด มีอายุกว่า 400 ปี ไฮไลท์สำคัญก็คือ บ้านทรงแบบ gassho ซึ่งหลังคาบ้านจะมุงด้วยหญ้าทำให้มีความลาดเอียงอย่างมากนี้ เป็นลักษณะพิเศษที่เห็นได้ชัด เป็นรูปแบบงานก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมือง Gokayama เนื่องจากอยู่ในพื้นที่หิมะตกหนัก หลังคาแบบนี้จะทำให้หิมะที่ทับถมบนหลังคาไหลลงมาได้ง่าย
Lake Kussharo : ฮอกไกโด ทะเลสาบ Kussharo เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฮอกไกโด น้ำสีฟ้าของที่นี่ จะกลายเป็นผืนน้ำแข็งในฤดูหนาว เพราะฉะนั้นเมื่อถึงช่วงฤดูหนาว
อากาศที่นี่จะหนาวมาก
Sensoji Temple : โตเกียว เที่ยวญี่ปุ่นห้ามพลาด วัดเซ็นโซจิ อาซากุสะ (Sensoji Temple) แวะถ่ายรูปโคมแดง ที่โตเกียว
หลายคนที่ไปเที่ยวโตเกียว ถ้าพลาดที่นี่ถือว่ายังไปไม่ถึงโตเกียวเลยก็ว่าได้ ที่
วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) หรือที่ใครๆ
ต่างเรียกกันติดปากว่า วัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) ที่วัดเซ็นโซจินี้ มีสัญลักษณ์เป็นโคมสีแดงใหญ่
ที่เขียนเป็นตัวอักษรคันจิว่า Kaminari-Mon ซึ่งแปลว่า
ประตูสายฟ้า ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา หรือนักท่องเที่ยวจดจำวัดนี้ได้เป็นอย่างดี
และด้วยที่ตั้งที่อยู่ในย่านอาซากุสะ ทำให้ทุกคนเรียกวัดนี้ว่า วัดอาซากุสะ
Himeji Castle : เฮียวโกะ ปราสาท Himeji นั้นมีประวัติศาสตร์ก่อตั้งกว่า 400 ปี ซึ่งนับเป็นปราสาทที่คงสภาพเดิมที่สุดในญี่ปุ่น
และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 ความสง่างามของปราสาทได้รับขนานนามว่า “ปราสาทนกกระยางขาว”
อีกด้วย นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระจำนวนกว่า 1,000 ต้นภายในปราสาทจะบานสะพรั่ง และจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกไม้
Jigokudani Monkey Park
: นางาโน่ หลายคนมาออนเซ็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
และฤดูหนาว แต่ที่นี่พวกเขาหวังมากกว่านั้น ที่มากกว่าที่อื่นก็คือ
การมาดูลิงแช่น้ำร้อนที่ออนซ็นนั่นเอง ลิงกว่า 200 ตังที่อาศัยอยู่บนภูเขาจะลงมาแช่น้ำร้อน
เพราะเวลาหนึ่งในสามของแต่ละปีจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ
นักท่องเที่ยวก็จะนิยมมาแช่ออนเซ็นกับลิง
ได้บรรยากาศเหมือนมาดาวเคราะห์ของลิงเลยทีเดียว
Hakuba Village : นางาโน่ เมือง Hakuba เป็นเมืองที่ดีในช่วงฤดูหนาว
เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักสกี มีรีสอร์ทสกีมากมาย แต่ในช่วงฤดูร้อน
วิวทิวทัศน์ที่ต่างออกไปจากเดิมก็สวยงามไม่แพ้กัน
Adachi Museum of Art :
ชิมาเนะ สวน Adachi เป็นส่วนหนึ่งของ Adachi Museum of Art ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
และแสดงให้เห็นถึงภาพวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
The Sagano Railway : เกียวโต รถไฟสายนี้เป็นรถไฟที่นั่งเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ เรียบแม่น้ำโฮซุกาว่า (Hozugawa River) ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รถไฟสายโรแมนติก ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟสายโรแมนติกนั้น เพราะว่าวิวสองข้างทางตลอดที่รถไฟผ่านนั้น 7 กิโลเมตรจะเป็นหุบเขาสลับซับซ้อน และบ้านเรือนชนบท รวมถึงตัวรถไฟเองที่เป็นแบบโบราณ ใครที่ได้ขึ้นไปนั่งชมวิว ยิ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้วด้วย ถือเป็นสถานที่ที่โรแมนติกที่หนึ่งในญี่ปุ่น
Fuji Shibazakura
Festival : ยามานาชิ ทุกๆ ปีในช่วงเมษายน-พฤษภาคม หน้าร้อนของญี่ปุ่นจะมี
เทศกาลทุ่งดอกชิบะซากุระ (Shibazakura) เฉลิมฉลองการบานสีชมพูสะพรั่งของดอกชิบะซากุระ
หรือ Moss Pink นั่นเอง ซึ่งจะมีพื้นที่ถึง 2.4 เฮกเตอร์เลยทีเดียว รับรองว่าทุกตารางจะเต็มไปด้วยสีชมพูสดใส
สำหรับปีนี้จะตรงกับวันที่ 18 เมษายน-31 พฤษภาคม
Senganen Garden : คาโกชิม่า วิวสวยสไตล์ญี่ปุ่นมากๆ
มีทั้งสวนสวย, ทะเล, ออนเซ็น,
ศาลเจ้า, ซุ้มไม้ไผ่
ตลอดแนวชายฝั่งทะเลทางด้านเหนือของเมืองคาโกชิม่า นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมภูเขาไฟ
Sakurajima และอ่าวคาโกชิม่า ที่สำคัญสวนนี้มีมาตั้งแต่ปี 1658 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุครักษ์ธรรมชาติ
Golden Pavilion : เกียวโต ปราสาทคินคาคุจิ
(Kinkaku) หรือปราสาททองนี้ เดิมเป็นสถานตากอากาศของ
โชกุนโยชิมิสึ (Yoshimitsu) แห่งตระกูลอาชิคางะ
จากภาพยนตร์เรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิวซัง เป็นสีทองจาก ทองคำเปลว อีก
จุดเด่นของปราสาทแห่งนี้ก็คือรูปหล่อ นกฟีนิกซ์ บนยอดปราสาท
โดยรอบปราสาทมีลำธารน้ำใสสะอาดทำให้เกิดภาพสะท้อนผิวน้ำแสน สวยราวภาพวาด
พระราชวังอิมพีเรียล พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีก
หนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว
เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น
เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น
รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น
จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ
การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ
และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน
ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ
และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล
ในปัจจุบัน ซึ่ง ภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม
และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ
สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่
ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล
เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ
โตเกียว ทาวเวอร์ โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอย สื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1 ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของ โลก เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์ จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลย
หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ
ชิราคาวาโกะ (Shirakawako)
หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ
ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น
เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า
การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า
250 ปี คำว่า "กัสโช" หมายความว่า พนมมือ
ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว
เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร
สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้
แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการ
ใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ภูเขาฟูจิ ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
และอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ
และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด
คือ นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า
ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า
ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ
แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม
และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake
or Fujigoko) หรือที่ ฮะโกะเนะ
ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งใน อุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu นอกจากนี้ รอบ ๆ
ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ
มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ
โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ
นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ
มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น
และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย
ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้
ช้อปปิ้งย่านสุดฮิตที่ย่านชินจูกุ ฮาราจูกุ โอไดบะ เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ การช้อปปิ้ง ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีแหล่งช้อปที่หลายหลาย แต่ที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ย่านชินจุกุ (Shinjuku) แหล่ง ท่องเที่ยวทันสมัยฝั่งตะวันตกของโตเกียว นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมที่มีชื่อเสียง โดยยามกลางวันสามารถแวะชมสวนสาธารณะชินจุกุเกียวเอ็นที่เงียบสงบ, ย่านชิบุยะ (Shibuya) เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมสมัยใหม่ของวัยรุ่น ใกล้กับ ศาลเจ้าเมจิ ที่เงียบสงบ ติดต่อกันเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ คือ ย่านฮาราจูกุ และ ย่านโอไดบะ ที่ สร้างขึ้นจากการถมทะเลในอ่าวโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรนโบว์ ทาวน์ ที่เหล่าคู่รักวัยรุ่นนิยมขึ้นชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม
โอซาก้า เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น
และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก
ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะ มีคลองที่เชื่อมโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้น
ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมือง
และในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิมจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของ
ละครหุ่นกระบอกบุนระคุ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชม อ่าวโอซาก้า
ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด และสวนสนุก Universal Studios
Japan แต่
ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ปราสาทโอซาก้า
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น
จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต
สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ
ที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก
สำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร "คุอุดะโอะเระ" ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ
ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น
ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ
ปราสาทฮิเมะจิ ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่เมืองฮิเมะจิ เป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ยังคงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมทั้งได้มีการปิดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2009-2014 แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในและชมกระบวนการซ่อมแซมได้อย่างใกล้ชิด ปราสาทฮิเมะจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบ