ทัวร์ฮ่องกง

ท่องเที่ยวฮ่องกง


ฮ่องกง :  เป็นเสมือนประตูที่เปิดไปสู่ประเทศจีน เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก อาหาร และเป็นแหล่งช้อปปิ้งในเกาะแห่งนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาแวะเวียนได้เสมอ ทุกคนทราบดีถึงความคึกคักในตัวเมือง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงมุมที่แสนเงียบสงบซึ่งจริงๆแล้วมีอยู่ทั่วไป มุมที่ดูเหมือนเวลาจะหยุดอยู่กับที่ ในฮ่องกงนั้นแบ่งออกเป็น 4 เขตใหญ่ คือ เขตเกาลูน เขตเกาะฮ่องกง เขตนิวแทริทอรี่ส์ และ หมู่เกาะรอบนอก เขตเกาลูนและเขตนิวแทริทอรี่ส์ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ทางตอนเหนือของอ่าววิคตอเรีย เกาะฮ่องกงเองตั้งอยู่ทางด้านใต้ของอ่าวตรงกันข้ามกับเกาลูน ส่วนหมู่เกาะรอบนอกนั้นหมายถึงบรรดาเกาะต่างๆกว่า 200 เกาะรอบๆบริเวณเกาะฮ่องกง เกาะฮ่องกงถือเป็นศูนย์กลางในบริเวณรอบอ่าววิคตอเรีย เขตธุรกิจหลักที่มีชื่อเสียงได้แก่ "ย่านเซ็นทรัล" ทางตะวันออกของย่านเซ็นทรัลที่เป็นเขตการค้าที่สำคัญ คือ ย่านหว่านไจ๋ ซึ่งเป็นย่านอาหารการกินและแหล่งสังสรรค์์ยามค่ำคืน ส่วนคอสเวย์เบย์เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คึกคักมากที่สุดในเกาะฮ่องกง นอกจากนี้บนเกาะฮ่องกงยังมียอดเขาวิคตอเรียพีกอันเป็นจุดสูงสุดของเกาะ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์และเขตที่พักอาศัยในตัวเมืองได้ ในเขตเกาลูน ย่านจิมซาจุ่ยและจอร์แดน เป็นบริเวณที่ชุกชุมไปด้วยโรงแรมและสถานที่ช้อปปิ้ง เช่นเดียวกันกับย่านหม่องก๊อกอันเป็นเขตช้อปปิ้งที่คึกคักอีกแห่งหนึ่งของฮ่องกง

 

สภาพภูมิอากาศ : ฮ่องกงอยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยือนได้ตลอดทั้งปี

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-กลางพฤษภาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิและความชื้นสูงขึ้นเสื้อผ้าแนะนำให้เตรียมแจ็คเก็ตหรือสเว็ทเตอร์ ไม่ต้องหนามากไปด้วย

ฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม - กลางกันยายน) อุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซสเซียส อากาศร้อนชื้น อาจจะมีฝนบ้าง ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต ชุดผ้าฝ้าย และร่มเมื่อออกนอกอาคารด้วย

ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน-ต้นธันวาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซสเซียส ช่วงนี้อุณหภูมิและความชื้นลดลง ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดวัน ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต สเวทเตอร์และแจ็คเก็ตบางๆ ไปด้วย

ฤดูหนาว (ปลายธันวาคม - กุมภาพันธ์) อุณหภูมิประมาณ 17 องศาเซสเซียส อากาศหนาวเย็นและความชื้นต่ำ ควรสวมเสื้อกันหนาว เสื้อโอเวอร์โค้ท

 

เวลา : เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง

 

ภาษา : มีภาษาท้องถิ่นอยู่มากมาย แต่มีการกำหนดใช้ภาษาจีนแมนดารินหรือจีนกลางเป็นภาษาราชการ ผู้คนในฮ่องกงที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้มีอยู่พอประมาณ โดยเฉพาะพนักงานในโรงแรมต่างๆ อย่างไรก็ตาม คนขับรถแท็กซี่และผู้ทำงานบริการด้านอื่นนั้นมีความรู้ภาษาอังกฤษน้อย

 

เงินตรา : ใช้เงินสกุลดอลล่าร์ฮ่องกง อัตราแลกเปลี่ยน โดยประมาณ 1 ดอลล่าร์ฮ่องกง = 4.5 บาทไทย การแลกเงินควรแลกไปจากเมืองไทย โดยสามารถแลกได้ที่ธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไป และที่สนามบินตามเคาน์เตอร์แลกเงิน

 

ระบบไฟฟ้า : ที่ฮ่องกง เป็นแบบ 220 V. (เหมือนประเทศไทย) ปลั๊กเสียบแต่ละโรงแรมจะแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นปลั๊กแบบสามขา ฉะนั้นท่านที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น กล้องวิดีโอ โทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องเป่าผมควรมีปลั๊กแบบใช้ได้ทั่วโลกติดตัวไปด้วย เพื่อความสะดวกของท่านกรุณาเตรียม ฟิล์มถ่ายรูป, แบตเตอร์รี่ ไปให้เพียงพอจากประเทศไทย

 

ฟิลม์และกล้องถ่ายรูป : ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะฟิล์มเพราะที่ต่างประเทศราคาจะสูงมากโดยเฉพาะ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และควรเตรียมถ่านใส่กล้องถ่ายรูปไปด้วยเพราะอากาศเย็นถ่านจะเสื่อมสภาพเร็ว

 

การใช้โทรศัพท์ : โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถใช้ที่ฮ่องกงได้ โดยท่านต้องขอเปิดใช้บริการ IR INTERNATIONALROAMING กับระบบโทรศัพท์ของท่านก่อนเดินทาง เพื่อความสะดวกควรใช้บัตรโทรศัพท์ที่มีขายในโรงแรมทั่วไป โดยหมุน 001-66-2 (2-กรุงเทพฯ / 38-ชลบุรี / 53-เชียงใหม่) ตามด้วยเบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์มือถือ 001-66-1 (หมายเลขนำหน้าของโทรศัพท์มือถือ) ตามด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ

 

การให้ทิป : ทิปไกด์ท้องถิ่นวันละ 10 เหรียญฮ่องกงต่อวัน และคนขับรถวันละ 10 เหรียญฮ่องกงต่อวัน (การให้ทิปในต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ และมารยาทของนักท่องเที่ยวควรให้ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง)

 

อาหารการกิน : อาหารกวางตุ้งเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของฮ่องกง ที่ฮ่องกงมีอาหารจีนท้องถิ่นมากมาย รวมไปถึงอาหารนานาชาติไม่ว่าจะเป็นอาหารจากประเทศต่างๆในเอเชีย หรืออาหารจากประเทศตะวันตก

 

รายการช้อปปิ้ง

  • สินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องหนัง และสินค้าแบรนด์เนม
  • สินค้าประเภทเครื่องประดับ อัญมณี และนาฬิกา
  • สินค้าประเภทเครื่องสำอาง
  • เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสาร เครื่องใช้ Audio และเครื่องใช้ Visual
  • สินค้าประเภทของเล่น
  • สินค้าประเภทของทะเลตากแห้ง โสม และเขากวาง
  • สินค้าประเภทงานหัตถศิลป์ (Handicrafts)
  • ขนมต่างๆ Chinese Assorted Cakes

 

เทศกาลสำคัญ

ฮ่องกงวินเทอร์เฟส : เทศกาลฉลองฤดูหนาวฮ่องกง หรือฮ่องกง วินเทอร์เฟส คือการฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่แสนมหัศจรรย์ มีกิจกรรมพิเศษทั้งสำหรับคู่รักและครอบครัว และการเลือกซื้อหาของขวัญคือ ความสุขในเทศกาลลดราคาประจำฤดูหนาว เพราะร้านค้าและภัตตาคารต่างๆ พร้อมใจกันมอบส่วนลดและข้อเสนอพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

เทศกาลฉลองตรุษจีน : การฉลองตรุษจีนเป็นเทศกาลงานฉลองที่สำคัญที่สุด มีทั้งตลาดดอกไม้หอมกรุ่น การแสดงดอกไม้ไฟอันตระการตา การแสดงแสงสีสวยงาม และการแข่งขันกีฬารายการพิเศษ โดยงานฉลองวันแรกของปีใหม่จีน จะเริ่มด้วยขบวนพาเหรดนานาชาติยามค่ำคืน ที่ประกอบด้วยรถแห่ วงโยธวาทิต ศิลปินและนักแสดงมากมาย

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

วิคตอเรีย พีค คือยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะฮ่องกง สูงจากระดับน้ำทะเล 552 เมตร และถือเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับที่ 24 ของฮ่องกง จุดที่สูงทีสุดของฮ่องกง คือ Tai To Yan ที่อยู่ในเขตนิวเทอริทอรี่ มีความสูงถึง 957 เมตรจากระดับน้ำทะเล แม้ไม่ใช่จุดที่สูงที่สุดของฮ่องกง หากวิคตอเรียพีค ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวที่ได้ไปเยือนวิคตอเรียพีค จะสามารถมองเห็นวิวของเกาะฮ่องกงได้ทั้งหมด ตั้งแต่อ่าววิคตอเรีย ตึกระฟ้า เรือเฟอร์รี่ และสีสันของแสงไฟยามค่ำคืนของฝั่งเกาลูน ทั้งหมดสร้างตามหลักความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย แนะนำให้เดินทางไปวิคตอเรียพีคช่วงบ่ายแก่ๆ และอยู่ยันค่ำเพื่อดูแสงไฟหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน และชมการแสดง Symphony of Lights ที่สวยงาม ข้างบนจะมีทั้งร้านอาการ สวนสาธารณะ และหอชมวิว รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งของ Madame Tussauds Hong Kong อีกด้วย หากใครมาเยือน เดอะ พีค ต้องไม่พลาด นั่ง The Peak Tram, เข้าไปเที่ยว The Peak Tower และ Sky Terrace 428

เลดี้ส์ มาร์เก็ต ตลาดกลางแจ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง เลดี้ส์ มาร์เก็ตเป็นจุดหมายที่ทุกคนต้องไปเยือนสำหรับคนรักแฟชั่น และของแต่งบ้านเล็กๆน้อยๆ ร้านแผงลอยต่างๆ ที่ตั้งกระจุกรวมตัวกันจนเกิดเป็นตลาดที่มีบรรยากาศสนุกสนานนี้ เลดี้ส์ มาร์เก็ต เป็นตลาดกลางแจ้งที่ถือว่ามีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในฮ่องกง โดยเปรียบเทียบกับไทยแล้วก็เหมือน จตุจักร สำเพ็ง หรือประตูน้ำบ้านเรา เหตุผลที่ตลาดแห่งนี้เหมาะสำหรับคนที่รักในแฟชั่น เพราะที่นี่มีทั้ง กระเป๋า, รองเท้า ,เสื้อผ้า, เครื่องประดับ, เครื่องสำอาง, ของตกแต่งบ้าน, ของเล่น ฯลฯ  มีร้านค้าทั้งสิ้นมากกว่า 100 ร้านค้า ระยะทางของตลาดแห่งนี้โดยรวมแล้วยาวกว่า 1 กิโลเมตร  ส่วนเรื่องราคานั้น แนะนำให้ต่อราคา เพราะร้านส่วนใหญ่จะตั้งราคาสูงไว้ค่ะ เห็นว่าชื่อ Lady Market นี้ไม่ใช่มีเฉพาะของสำหรับผู้หญิง สำหรับคุณผู้ชายก็มีเหมือนกัน (แต่อาจจะน้อยกว่าของคุณผู้หญิง) และตลาดแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแต่แหล่งช้อปปิ้งเท่านั้น ยังมีร้านอาหารติ่มซำที่อร่อยที่สุดใน Lady Market มีชื่อร้านว่า ร้าน Tim Ho Wan ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนน Tung Choi  ในมงก๊ก เปิดตั้งแต่ 12.00 - 23.30 น.

รีพัลส์ เบย์ อ่าวรีพัสเบย์ (Repulse Bay) หรือ หาดทรายรูปจันทร์เสี้ยวนี่เป็นหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่ชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยว และยังใช้เป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์ไปหลายเรื่อง รีพัลส์ เบย์ มีรูปปั้นขนาดใหญ่ของเจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทินโห่วซึ่งทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองชาวประมง โดดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสวยที่ทอดยาวลงสู่ชายหาด ด้วยความที่เป็นอ่าวรีพัลส์เบย์เป็นอ่าวน้ำตื้น ที่แวดล้อมด้วยหมู่ต้นไม้และชายหาด เดิมทีหน้าหาดที่นี่จะแคบแต่ ณ ปัจจุบันได้ขยายอ่าวรีพัลส์เบย์ให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับผู้คนที่เดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ รวมทั้งรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศผ่อนคลายริมทะเลอ่าวรีพัลส์เบย์ ไม่ว่าจะมาเล่นน้ำทะเล หรือปิกนิกริมหาดก็ได้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในฮ่องกง

อะเวนิว ออฟ สตาร์ อเวนิวออฟสตาร์ (Avenue of Stars) เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญยามค่ำคืนของฮ่องกง ลักษณะเป็นพื้นทางเท้าทอดยาวบนอ่าววิคตอเรีย (Victoria Bay) ประมาณ 440 เมตร ตามพื้นทางเท้าจะพบกับลายมือของนักแสดงที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง เช่นแจ็คกี้ชานหรือเฉินหลง และประติมากรรมโลหะของนักแสดงฮ่องกงอย่างบรู๊ซลี ตามแนวชายฝั่งมีม้านั่งและไม้ประดับ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมตึกและความเจริญริมอ่าว เพลิด เพลินไปกับสายลมและเรือที่แล่นผ่าน ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะไปกันช่วงเย็นๆ แล้วรอจนมืดเพื่อดูการแสดงแสงสี และดนตรี Symphony of Lights ที่มีชื่อเสียงมาก อเวนิวออฟสตาร์นี้เป็นทางเท้าที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากครับพลาดไม่ได้จริงๆ อเวนิวออฟสตาร์ คือความสำเร็จของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกงและประวัติศาสตร์ของนักแสดงและภาพยนตร์ ดาราภาพยนตร์ดังๆ ทั้งหมดจะมีให้ ได้ชมและศึกษากันครับ บนทางเท้ามีรอยประทับ 30 คู่ของนักแสดงชั้นนำ ที่ปากทางเข้าอเวนิวออฟสตาร์จะเห็นรูปปั้นโลหะขนาดใหญ่ของผู้หญิงคน หนึ่งตรงนั้นเป็นเวทีขนาดเล็กสำหรับการแสดงและทำกิจกรรม ทุกคืนเวลา 20.00 น. ไปที่ Avenue of Starsc แถวๆ รูปปั้นผู้หญิงจะมีการแสดงซิมโฟนีใช้ระบบไฟและแสงเลเซอร์แสดงโชว์ที่งดงาม และถูกกล่าวขานว่านี้คือ สถานที่แสดงแสงและเสียงถาวรที่ใหญ่ที่สุดของโลกบันทึกโดยหนังสือกินเนสเวิลด์เร็กคอร์ด

หอนาฬิกา หนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นแห่งจิมซาโจ่ย เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของสถานีต้นทางของรถไฟสายเก่าลูน-แคนตัน (KCR) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1915 หอคอยทำจากอิฐสีแดงและหินแกรนิต สูง 44 เมตร เป็นอนุสรณ์ชวนให้รำลึกถึงสมัยอาณานิคม ปัจจุบันพื้นที่ของสถานีรถไฟได้กลายเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรมฮ่องกง หลังคาทรงโค้งและดีไซน์ทางด้านสถาปัตยกรรมที่ดูทันสมัยกลายเป็นฉากหลังอันงดงามของหอนาฬิกาแห่งนี้

ท่องเที่ยวประเทศมาเก๊า


มาเก๊า : อยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำเพิร์ล ในอดีตมาเก๊าตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสนานถึง 400 ปี และกลับคืนสู่การปกครองของจีนเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1999 "มาเก๊า" นับเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ ในอดีตมาเก๊าเป็นเพียงแค่หมู่บ้านเกษตรกรรมและประมงเล็กๆ โดยมีชาวจีนกวางตุ้งและฟูเจี้ยนเป็นชนชาติดั้งเดิม จนมาถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ชาวโปรตุเกสได้เดินเรือเข้ามายังคาบสมุทรแถบนี้เพื่อติดต่อค้าขายกับชาวจีน และมาสร้างอาณานิคมอยู่ในแถบนี้ ที่สำคัญคือ ชาวโปรตุเกสได้นำพาเอาความเจริญรุ่งเรืองทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรมของชาติตะวันตกเข้ามาอย่างมากมาย ทำให้มาเก๊ากลายเป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัว จนสามารถเรียกได้ว่าเป็น "ยุโรปใจกลางเอเชีย" อันมีเสน่ห์เย้ายวนใจให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเยือนมาเก๊ากันเป็นจำนวนมาก

 

สภาพอากาศ : มาเก๊า มีภูมิอากาศค่อนข้างอบอุ่น โดยเฉลี่ยอยู่ราว 20 องศาเซลเซียส (68 ฟาเรนไฮด์) มีความชื้นสัมพัทธ์สูงเฉลี่ย 75%-90% โดยแบ่งเป็นฤดูกาลต่างๆ ได้ดังนี้

ฤดูใบไม้ร่วง (ต.ค.-ธ.ค.) ถือเป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด เหมาะแก่การท่องเที่ยว

ฤดูหนาว (ม.ค.-มี.ค.) แม้ว่าจะมีอากาศค่อนข้างหนาว แต่ก็มีแสงแดด ให้พออบอุ่น เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปสัมผัสอากาศ

ฤดูร้อนและฝน (เม.ย.-ก.ย.)ในช่วงนี้อากาศจะเริ่มร้อนอบอ้าว และมีความชื้น สัมพัทธ์สูงในบางช่วงจะมีฝนตกและมักเกิดพายใต้ฝุ่น ราวเดือน มิ.ย.-ส.ค.ในกรณีที่เกิดพายุไต้ฝุ่นถึงระดับ8 สะพานเชื่อมไทปา, โคโลอาน จะถูกปิดลงชั่วคราว ขณะเดียวกันการเดินเรือ โดยสารและเที่ยวบินต่างๆ ระหว่าง ฮ่องกง-มาเก๊า จะถูกยกเลิกชั่วคราว จนกว่าจะปลอดภัย

 

เวลา : เวลาในมาเก๊าเร็วกว่าในประเทศไทย 1 ชั่วโมง

 

ภาษา : ใช้ภาษาจีนและภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการ แต่จะนิยมใช้ภาษาจีนกวางตุ้งในการสื่อสารมากกว่า ส่วนภาษาอังกฤษจะนิยมใช้เป็นภาษาเพื่อทำการค้า และการท่องเที่ยว

 

เงินตรา : มาเก๊าใช้สกุลเงินปาตากาส์ (Patacas) หรือใช้สัญลักษณ์แทนว่า MOP$ ซึ่ง 1 MOP$ มีค่าประมาณ 4.50 บาท โดยแบงก์ที่ใช้กันก็มีตั้งแต่ 1,000, 500, 100, 50, 20, 10 MOP$ ส่วนเหรียญก็มีเหรียญ 10, 5, 1 MOP$ และมีหน่วยย่อยเป็นเหรียญ 50, 20, 10 Avos ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไม่นิยมแลกเงินมาเก๊าไปกัน เนื่องจากเงินมาเก๊าแลกคืนเป็นเงินบาทไม่ได้ แต่จะแลกเป็นเงินฮ่องกงไป (ที่มาเก๊าใช้เงินฮ่องกงได้)

 

ระบบไฟฟ้า : โดยทั่วไปจะใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลท์ แบบปลั๊ก 3 ตาหัวเหลี่ยม หรือ บางสถานที่ใช้หัวกลม

 

ฟิลม์และกล้องถ่ายรูป : ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะฟิล์มเพราะที่ต่างประเทศราคาจะสูงมากโดยเฉพาะ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และควรเตรียมถ่านใส่กล้องถ่ายรูปไปด้วยเพราะอากาศเย็นถ่านจะเสื่อมสภาพเร็ว

 

การใช้โทรศัพท์ : มาเก๊าไม่มีการคิดอัตราค่าโทรศัพท์ภายในประเทศสำหรับเครื่องโทรศัพท์ตามบ้าน แต่ถ้าเป็นโทรศัพท์สาธารณะจะเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 1 ปาตากาส์ โดยบัตรโทรศัพท์มีราคา 50, 100 และ 150 ปาตากาส์ ตามย่านธุรกิจสำคัญๆ มีตู้โทรศัพท์ที่ใช้เครดิตการ์ดให้บริการ มือถือจากเมืองไทยที่เปิดบริการ Roaming สามารถเปิดใช้ที่มาเก๊าได้เลย

 

การให้ทิป : การให้ทิปในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องสำคัญ และมารยาทของนักท่องเที่ยวควรให้ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง

 

อาหารการกิน : มาเก๊า เป็นสวรรค์ของนักกิน ไม่แพ้ที่ใดในโลก ด้วยมีอาหารหลากหลายชนิด และหลากหลายชาติให้ได้ลิ้มรสกัน ที่พลาดไม่ได้เมื่อไปถึงมาเก๊า ก็ต้องเป็นอาหารประจำชาติ ที่เรียกกันว่า อาหารแมคกันนีสและ อาหารโปรตุเกสซึ่งไม่สามารถหาทานได้ในเมืองไทยอย่างแน่นอน อาหารแมคกันนีสอาหารประจำชาติของมาเก๊าเป็นอาหารที่ผสมผสานเอารสชาติและเครื่องปรุงจากนานาชาติ ทั้ง ยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา และ เอเชียมาไว้ด้วยกันในแต่ละจาน ตกแต่งสไตล์ยุโรป เพิ่มเสน่ห์และรสชาติในการรับประทานด้วยไวน์ชั้นเลิศของโปรตุเกสก็จะได้ความอร่อยมากขึ้น การปรุงอาหารในครัวแมกกานีส ยังเป็นการนำกรรมวิธีการปรุงแบบตะวันตก (อบ ย่าง สตูว์ ตุ๋น) มาเข้าคู่กับเครื่องปรุงของเอเชีย เช่น ผงกระหรี่ กะปิ กุนเชียง และต้นหอม หรือไม่ก็สลับกันโดยการนำเอาการปรุงแบบฉบับของจีน เช่น ผัดไฟแรง ทอด นึ่ง มาผสมกับเครื่องปรุงของยุโรป เช่น ปลาคอด น้ำมันมะกอก มะกอกดอง เนื้อสับ มันฝรั่ง และไส้กรอกหมูเค็มของโปรตุเกสที่เรียกกันว่าโซริโซ่ (Chorizo)  อาหารโปรตุเกส เป็นอาหารยุโรปใต้ที่มีชายฝั่งติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีส่วนประกอบหลัก คือ อาหารทะเลทุกประเภท เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก ปรุงแบบง่ายๆ เช่น ย่างถ่าน ตุ๋น นึ่งกับสมุนไพรและเครื่องปรุงที่หาได้ในภาคใต้ของยุโรป เช่น น้ำมันมะกอก เกลือทะเล น้ำส้มไวน์ขาว ผักชี และกระเทียม เป็นหลัก

 

รายการช้อปปิ้ง

  • เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
  • เฟอร์นิเจอร์สไตล์จีน ของเก่า และของสะสมต่างๆ
  • สินค้าแผงลอย / ตลาดนัดในมาเก๊า
  • แหล่งช้อปปิ้งย่านเซนาโด้สแควร์และเรดมาร์เก็ต
  • ไวน์โปรตุเกส
  • งานศิลปะและร้านค้าต่างๆ
  • อัญมณี เครื่องประดับ และทองรูปพรรณ
  • สินค้าพื้นเมือง

 

เทศกาลสำคัญ

เทศกาลตรุษจีน : ตามท้องถนนเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสมีขบวนแห่เชิดสิงโตและเสียงกลองรัวดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ครั้นเวลากลางคืนถนนทุกสายต่างประดับประดาไปด้วยโคมไฟระยิบระยับ ในช่วงเทศกาลนี้ชาวมาเก๊าจะเดินทางไปกราบไว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล "Kung Hei Fat Choi" จะใช้เป็นคำทักทายเพื่อส่งความสุขและความปรารถนาดีให้แก่กัน นอกจากนี้ผู้อาวุโสจะมอบอั่งเปา หรือ Laisi ให้กับญาติผุ้น้อง โดยภายใน Laisi หรือ อั่งเปาจะใส่เงินเอาไว้แทนสัญลักษณ์ของโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฎิบัติของชาวจีน

พิธีแห่รูปปั้นพระเยซูคริสต์ : คณะผู้นับถือศาสนาคริสต์นิการคาทอลิก จะสวมชุดคลุมยาวสีม่วงแล้วมารวมตัวกันเพื่อตั้งขบวนแห่รูปปั้นพระเยซูคริสต์แบกไม้กางเขน โดยเริ่มเดินขบวนแห่จากโบสถ์เซนต์ออกัสติน ไปยังโบสถ์ Cathedral ท่ามกลางฝูงชนคับคั่งที่มาร่วมพิธีด้วยความนับถือและศรัทธาในองค์พระเยซู

เทศกาลเช็งเม้ง : ครอบครัวชาวจีนจะเดินทางไปทำความสะอาดสุสาน พร้อมทั้งจัดเตรียมเทียนหอมและเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ สำหรับกราบไหว้บูชาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ภายหลังจากทำความสะอาดสุสานและทำพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ เสร็จแล้วก็ถือโอกาสใช้ช่วงเวลานี้พักผ่อนและสังสรรค์ในครอบครัวไปด้วยพร้อมกัน

เทศกาลทางศาสนาที่วัด Pak Tai : งานประเพณีพื้นเมืองอีกหนึ่งสีสันในเทศกาลทางศาสนาที่จัดขึ้นในเดือนเมษายน บนเกาะไทปา ที่วัด Pak Tai จะจัดให้มีการแสดงอุปรากรจีนที่บอกเล่าถึงตำนานของ Pak Tai เทพยดาผู้เป็นเลิศและนักรบผู้กล้าแห่งดินแดนทางตอนเหนือ

เทศกาลไหว้เจ้าแม่อาม่า : เทศกาลประเพณีอันยิ่งใหญ่นี้จัดขึ้นปีละครั้ง เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและความเลื่อมใสศรัทธาในอาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล บริเวณด้านหน้าวัดอาม่าจะมีการแสดงเชิดสิงโตและระบำต่างๆ สีสันสดใส ตระการตา ดูมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kun Iam Temple) ถือเป็นการไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย เพราะวัดแห่งนี้เป็นวัดใหญ่และเก่าแก่มากที่สุดในมาเก๊า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ภาย ในวัดสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์และมนต์ขลังอันเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมของ ชาวจีนที่ดูมีเสน่ห์ในแบบฉบับของชาวจีน ซึ่งภายในวัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปที่ชาวมาเก๊าเคารพนับถืออยู่หลายองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า 3 ยุค ที่มีประดิษฐานอยู่ด้วยกัน 3 องค์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาทางพระพุทธศาสนาที่ว่า มี อดีต ปัจจุบัน และอนาคตมีพระยูไล ที่คนมาเก๊าให้ความเคารพนับถือมากราบไหว้ขอพรกันเยอะ และองค์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษเห็นจะเป็น องค์เจ้าแม่กวนอิม ที่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดเจ้าสาวของจีนที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมอย่างงดงาม 

โบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul's) ประตูโบสถ์เซ็นปอลแห่งนี้ตามประวัติแล้วคือส่วนประตูหน้าของโบสถ์มาแตร์ เดอี โรงเรียนสอนศาสนาแห่งแรกของเอเชียตะวันออก ออกแบบและก่อสร้างในปี ค.ศ. 1602 โดยพระจากนิกายซูอิทที่เป็นชาวอิตาเลียน ด้วยความร่วมมือจากช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นและจีนที่นับถือศาสนาคริสจำนวนหนึ่ง จนงานก่อสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1640

เซนาโด้สแควร์ (Senado Square) สวรรค์นักช้อปแห่งเมืองมาเก๊า เป็นเมืองท่าปลอดภาษี  ทำให้สินค้าที่นี้มีชื่อเสียงในเรื่องของราคาถูกและหลากหลาย ทั้งแฟชั่น แบรนด์เนม ร้านแผงลอย เฟอร์นิเจอร์โบราณ อัญมณี เครื่องประดับ ของที่ระลึก อาหารทะเลแห้ง ขนมของฝาก ฯลฯ วันนี้พาไปรู้จักเซนาโด้ สแควร์  (senado square) เป็นแหล่ง shopping  ที่เมืองมาเก๊า จุดที่วัยรุ่นและนักท่องเที่ยว มากมาย  หรือแทบทุกคนต้องมาเดินเล่นซื้อของอย่างพลาดไม่ได้หากมาถึงมาเก๊า เพราะ เซนาโด้ สแควร์ ตั้งอยู่กลางเมืองมาเก๊าเลย ก็ว่าได้ สถาปัตยกรรมศูนย์การค้าเซนาโด้ สแควร์  เป็นแบบยุโรป สวยงาม แปลกตา  โดยเฉพาะพื้นถนนที่ปูลาดด้วยกระเบื้อง เป็นลอนคลื่น เปรียบเสมือนท้องทะเลอันอุดมสมบูรณ์ ล้อมรอบไปด้วยอาคารสไตล์ยุโรปหลากสีสัน ซึ่งในมาเก๊าหาดูได้ยาก

เจ้าแม่กวนอิมปรางค์ทอง (Kun Iam Statue) ที่ตั้งอยู่ริมทะเล เจ้าแม่กวนอิมองค์ทองสร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ มีความสูง 18 เมตร หนักกว่า 1.8 ตัน ประดิษฐานอยู่บนฐานดอกบัวดูงดงามอ่อนช้อย ภายในฐานรูปปั้นจะเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งแสดงประวัติความเป็นมา ตลอดจนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง สะท้อนกับแดดยามเย็นเป็นประกายเรืองรองเหลืองอร่ามงดงามจับตา เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เป็นเจ้าแม่กวนอิมลูกครึ่ง คือปั้นเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิม แต่ว่ากลับมีพระพักตร์เป็นหน้าพระแม่มารี ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเป็นเจ้าแม่กวนอิมที่โปรตุเกสตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับมาเก๊า ในโอกาสที่ส่งมอบมาเก๊าคืนให้กับจีน เพื่อที่ว่าคนรุ่นหลังเห็นแล้วจะได้ระลึกถึงว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่โปรตุเกสมอบให้กับมาเก๊า และภายใต้ฐานรูปปั้นยังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงถึงประวัติความเป็นมาอีกด้วย

บ่อนคาสิโนลิสต์บัว (Lisboa) เป็นบ่อนที่มีชื่อเสียงและสวยที่สุดก็ว่าได้  ได้เข้าไปข้างในด้วยโหสุดยอด เจ้าจอร์จมันเหมือนในหนังจีนเลย ผู้คนมากมายแห่กันมาเล่นที่นี่มีการแลกชิฟ เล่นกันมันส์ คือว่ามีหลายอย่างให้เล่นรวมถึง Slot Machine สำหรับบางคนที่ชอบเสี่ยงโชคแต่ไม่ชอบนั่งรอบโต๊ะเป็นวง ๆ ก็เล่นแบบ Slot ก้อได้

Visitors: 812,303